เซมิคอนดักเตอร์กำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมโลกยุคใหม่ กองทุนไหนคือกองทุนที่ใช่จาก FINNOMENA Investment Team สำหรับการลงทุนในช่วงนี้ ติดตามได้ผ่านบทความนี้เลยครับ
โลกยุคใหม่ต้องขับเคลื่อนด้วย “ชิป”
เซมิคอนดักเตอร์ หรือ พวกชิปต่าง ๆ ถือได้ว่าเป็นมันสมองของโลกอิเล็คทรอนิกส์ในปัจจุบัน และเป็นกำลังหลักสำคัญของหลาย ๆ อุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น เฮลท์แคร์ การสื่อสาร คอมพิวเตอร์ การทหาร การขนส่ง พลังงานสะอาด อีกทั้งยังเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีในอนาคตอย่าง AI ควอนตัมคอมพิวเตอร์ และ ระบบเครือข่ายไร้สายอีกด้วย
และหากจะยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้เห็นภาพก็คงจะเป็นนวัตกรรม “รถยนต์ไฟฟ้า” ที่กำลังมาแรง
หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่าเซมิคอนดักเตอร์ ก็ถือเป็นหัวใจสำคัญของนวัตกรรมนี้เช่นกัน และอยู่ใกล้ตัวเรามาก ๆ เริ่มตั้งแต่จอสื่อสารต่าง ๆ บนรถที่ต้องใช้ชิปในการขับเคลื่อน อีกทั้งยังมีความสำคัญกับพลังงานและเเบตเตอรี่ของรถอีกด้วย อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญกับรถรุ่นใหม่ ๆ ที่ต้องใช้ระบบชิปในการควบคุมระบบเบรคและระบบพลังงาน
และยิ่งมองไปที่การพัฒนาระบบรถยนต์ไร้คนขับ เซมิคอนดักเตอร์ยิ่งมีความสำคัญเข้าไปใหญ่ เพราะ เป็นหัวใจในการควบคุมระบบดังกล่าว
นอกจากนั้นปรากฎการณ์ชิปขาดตลาด ในช่วงล่าสุดยังเป็นเครื่องบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า ชิปเป็นชิ้นส่วนมาแรง ยกตัวอย่าง เช่น Apple ที่ในช่วงล่าสุดผลิตสินค้าเรือธงอย่างโทรศัพท์ iPhone ออกมาไม่ได้จากการที่ชิปขาดตลาด
หรือจะเป็นบริษัทรถยนต์ยอดฮิตในสหรัฐฯ อย่าง Ford ที่ได้ออกมาคาดการณ์ว่ากำไรจากการดำเนินงานจะหดหายไป 2.5 พันล้านเหรียญ หากไม่สามารถผลิตแผงวงจรสำหรับระบบวัดความเร็วและระบบเบรคซึ่งใช้ชิปในการควบคุมได้
หากมือถือเป็นอวัยวะที่ 33 ของมนุษย์ เซมิคอนดักเตอร์คงเปรียบได้กับอวัยวะที่ 33 ของอุตสาหกรรมในอนาคตก็ว่าได้
โปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ เปิดบัญชีลงทุนครั้งแรกกับ FINNOMENA รับหน่วยลงทุน PCASH มูลค่า 100 บาท ตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. – 31 พ.ค. 65 คลิก https://finno.me/havefund-promotion
เจาะลึก 3 กองทุนเซมิคอนดักเตอร์มาแรง
SCBSEMI
คอนเซปต์การลงทุน
ลงทุนใน ETF ต่างประเทศ VanEck Vectors Semiconductor UCITS ETF ซึ่งลงทุนในบริษัทเกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ที่มีสภาพคล่องสูง ลงทุนผ่านบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ และนอกสหรัฐฯ และมีสัดส่วนรายได้จากการผลิตเซมิคอนดักเตอร์อย่างน้อย 50% ของรายได้ทั้งหมด เน้นการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงดัชนี MVIS US Listed Semiconductor 10% Capped Index ซึ่งเป็นดัชนีที่ประกอบไปด้วยบริษัทที่ทำการผลิตเซมิคอนดักเตอร์เป็นหลัก
มีนโยบายการลงทุนในกองทุนต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ระดับความเสี่ยงของกองทุน ระดับ 7
ภูมิภาคหลักที่ลงทุน
ภาพแสดงสัดส่วนภูมิภาคที่ลงทุน ที่มา: vaneck.com วันที่: 31 พฤษภาคม 2021
เน้นลงทุนในสหรัฐฯ ประเทศที่ส่งออกเซมิคอนดักเตอร์เป็นสินค้าหลัก และเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี และยังประกอบไปด้วยภูมิภาคอื่น ๆ ที่เน้นเซมิคอนดักเตอร์ไม่แพ้กันอย่างยุโรป และไต้หวัน
หุ้นหลักที่ลงทุน
ภาพแสดงสัดส่วนหุ้นที่ลงทุน ที่มา: vaneck.com วันที่: 31 พฤษภาคม 2021
NVIDIA (11.64%)
บริษัท การ์ดจอชื่อดังในสหรัฐฯ ที่เหล่าเกมเมอร์ โปรแกรมเมอร์และผู้ทำงานกราฟฟิคต้องรู้จัก ผู้ทำการรวมเทคโนโลยี AI เข้ากับ 5G สำหรับปฏิวัติระบบต่าง ๆ ที่สำคัญบนโลก เช่น ระบบรักษษความปลอดถัยและค้าปลีกอัจฉริยะ เป็นต้น อีกทั้งยังทำงานร่วมกับ Tesla ในการฝึกฝนและพัฒนาระบบ AI
ASML (11.53%)
บริษัท ผลิตชิปรายใหญ่ในยุโรป ให้บริการครบครันจบงานทั้งหมดได้ด้วยตนเองตั้งแต่การพัฒนา การผลิต การขายด้วยตนเอง มีผลิตภัณฑ์อย่างเครื่อง Photolitography ที่ใช้สำหรับการผลิตชิปคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของโลกยุคใหม่
TSMC (9.21%)
ผู้ผลิตและจัดจำนหน่ายชิปมาแรงจากไต้หวัน ผู้ผลิตชิปสำหรับคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายไร้สาย เกมส์คอนโซล และทีวี อีกทั้งยังมีบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Apple ที่ให้ความไว้วางใจ ให้ TSMC ผลิตชิปให้ตนเองอีกด้วย ถือว่าแข็งแกร่งมาก ๆ และยังเป็นหนึ่งในบริษัทที่เข้ามาขับเคี่ยวกับ Intel จนทำให้ Intel ต้องพ่ายแพ้
ผลตอบแทนย้อนหลัง
ภาพแสดงผลตอบแทนย้อนหลัง ที่มา: vaneck.com วันที่: 31 พฤษภาคม 2021
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
มีผลการดำเนินงานใกล้เคียงกับดัชนีเทียบเคียง MVIS US Listed Semiconductor 10% Capped Index ซึ่งเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้สำหรับกองทุนแนว Passive
คอนเซปต์การลงทุน
ลงทุนในกองทุนรวม ETF ต่างประเทศที่ทำธุรกิจทางตรงและทางอ้อมจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ลงทุนในกองทุน Invesco Dynamic Semiconductors ETF (PSI) ซึ่งลงทุนในดัชนี Dynamic Semiconductor IntellidexSM Index ที่เป็นดัชนีคัดเลือกหุ้นและประเมินมูลค่าบริษัทผ่าน หลักการต่าง ๆ เช่น โมเมนตัมราคา แนวโน้มกำไร คุณภาพ การบริหารจัดการ และมูลค่า บริษัทที่ทำธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ 30 บริษัท ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ โดยจะลงทุนในกองทุนนี้เป็นน้ำหนัก 70%
นอกจากนั้นยังลงทุนใน VanEck Vectors Semiconductor ETF (SMH) และมีน้ำหนักคิดเป็น 30%
ถึงแม้จะลงในกองทุนต่างประเทศที่ดูเป็น Passive แต่ตัวกองทุนไทยก็จัดการบริหารแบบ Active และเน้นการสร้างผลตอบแทนให้เหนือดัชนีชี้วัด
ภูมิภาคหลักที่ลงทุน
ภาพแสดงสัดส่วนภูมิภาคที่ลงทุนของกองทุน Invesco Dynamic Semiconductor ETF (PSI) ที่มา: เอกสารการขาย บลจ. วี วันที่: 31 มีนาคม 2021
ภาพแสดงสัดส่วนภูมิภาคที่ลงทุนของกองทุน VanEck Vectors Semiconductor ETF (SMH) ที่มา: เอกสารการขาย บลจ. วี วันที่: 31 พฤษภาคม 2021
เน้นลงทุนในสหรัฐฯ พระเอกทางด้านเซมิคอนดักเตอร์เช่นเดียวกัน
หุ้นหลักที่ลงทุน
ภาพแสดงสัดส่วนหุ้นหลักที่คาดว่าจะลงทุน ที่มา: เอกสารการขาย บลจ. วี วันที่: 14 พฤษภาคม 2021
LAM RESEARCH (5.37%)
บริษัท ผู้ออกแบบ ผลิต และจัดจำหน่ายเซมิคอนดักเตอร์ด้วยตนเอง ซึ่งจัดทำเซมิคอนดักเตอร์ในส่วนต้นน้ำ เช่น ทรานซิสเตอร์ (ส่วนที่ใช้ขยายสัญญาณไฟฟ้าและเปิดปิดสัญญาณไฟฟ้า) หรือจะเป็นในส่วนของระบบการโยงสายไฟต่าง ๆ ในเซมิคอนดักเตอร์ เป็นต้น
TEXAS INSTRUMENTS (5.37%)
บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่เน้นการผลิตชิ้นส่วนดังกล่าวในราคาที่จับต้องได้เพื่อที่จะลดราคาของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ให้กับทุกคน เน้นพัฒนาเทคโนโลยีให้ชิปมีขนาดเล็ก มีประสิทธิภาพ มีความน่าเชื่อถือและมีราคาที่ย่อมเยา มีลูกค้า 100,000 รายทั่วโลก และมีผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ถึงราว ๆ 80,000 ชนิด
APPLIED MATERIALS (5.23%)
บริษัท ชั้นนำระดับโลก เป็นผู้พัฒนานวัตกรรมซอฟต์แวร์และบริการสำหรับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ล้ำสมัย ซึ่งช่วยในการผลิตสมาร์ทโฟน, หน้าจอ TV, และแผงควบคุมโวลาร์เซลล์ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งของที่อยู่ใกล้ตัวเราทั้งสิ้น
ผลตอบแทนย้อนหลัง
ในส่วนของผลตอบแทนย้อนหลังอาจจะต้องรอกันสักหน่อย เพราะ ตัวกองทุนจะใช้การจัดการแบบ Active แต่ในส่วนของโอกาสในการสร้างผลตอบแทน ทุกคนสามารถดูได้ในส่วนหลังได้เลย ทาง FINNOMENA Investment Team มีการนำข้อมูลประมาณการผลตอบแทนมาให้แบบจัดเต็ม!
F{LHSEMICON}
คอนเซปต์การลงทุน
เน้นลงทุนใน iShares Semiconductor ETF ซึ่งบริหารจัดการโดย BlackRock บริษัท จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตัวกองทุนแม่จะเน้นการบริหารแบบ Passive เช่นเดียวกับกองทุนหลัก โดยเน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี ICE Semiconductor Index ซึ่งเป็นดัชนีที่ประกอบไปด้วยหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่มีมูลค่าทางการตลาดมากที่สุด 30 อันดับแรกในสหรัฐฯ นึกง่าย ๆ ก็คงเหมือนดัชนีดาวโจนส์ในเวอร์ชั่นของเซมิคอนดักเตอร์นั่นเอง (เน้นหุ้นใหญ่)
กองทุนมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ (หรือ “กองทุนหลัก (Master fund)”) ที่มีนโยบายลงทุนใน บริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านการออกแบบ การจัดจำหน่าย การผลิต และการขายเซมิคอนดักเตอร์ โดยจะลงทุนในกองทุนหลักเฉลี่ย ในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ระดับความเสี่ยงของกองทุน ระดับ 7
สัดส่วนการลงทุน
เน้นลงทุนในสหรัฐฯ เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากตัวกองทุนเน้นทำผลการดำเนินงานให้ใกล้เคียงกับดัชนี ICE Semiconductor Index ซึ่งเป็นดัชนีที่อิงหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ
หุ้นหลักที่ลงทุน
ภาพแสดงสัดส่วนหุ้นหลักที่ลงทุน ที่มา: iShares Fund Factsheet วันที่: 31 มีนาคม 2021
TEXAS INSTRUMENT (14.69%)
บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่เน้นการผลิตชิ้นส่วนดังกล่าวในราคาที่จับต้องได้เพื่อที่จะลดราคาของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ให้กับทุกคน เน้นพัฒนาเทคโนโลยีให้ชิปมีขนาดเล็ก มีประสิทธิภาพ มีความน่าเชื่อถือและมีราคาที่ย่อมเยา มีลูกค้า 100,000 รายทั่วโลก และมีผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ถึงราว ๆ 80,000 ชนิด
INTEL (8.62%)
บริษัท ผลิตและออกแบบชิปชื่อดัง คุ้นหูทุกคนแน่นอน เพราะ อยู่ในคอมพิวเตอร์ใกล้ตัวทุกคน ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ตอบโจทย์ในหลาย ๆ อุตสาหกรรม เช่น Data Center, IoT, และชิปความจำต่าง ๆ เป็นต้น ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน มีความมั่นคง กระแสเงินสดต่อเนื่อง
BROADCOM (6.10%)
ผู้ผลิตชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์สัญชาติอเมริกันสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับเครือข่ายไร้สาย (Wireless) รวมไปถึงอุตสาหกรรมบรอดแบนด์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของโลกทุกวันนี้ เพราะ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเราคงไม่เลิกใช้อินเทอร์เน็ตในเร็ววัน
สรุปง่าย ๆ ได้ว่า Broadcom เปรียบเสมือหัวใจในหัวใจของโลกยุคใหม่
ผลตอบแทนย้อนหลัง
ภาพแสดงผลตอบแทนย้อนหลัง ที่มา: iShares Fund Factsheet วันที่: 31 มีนาคม 2021
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
จากภาพก็จะเห็นได้ว่ากองทุนจะเน้นไปที่การสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีเทียบเคียงหลักเช่นเดียวกัน
ส่องมูลค่า (Valuation) ของทั้งสามกองทุน
ภาพแสดงสัดส่วนทางการเงินที่สำคัญของกองทุน WE-EVOSEMI, LHSEMICON, และ SCBSEMI ที่มา: FINNOMENA Investment Team วันที่: 21 มิถุนายน 2021
หากลองมาสำรวจในแง่ของความน่าสนใจในเชิงมูลค่าของทั้ง 3 กองทุน เราจะเห็นได้ว่าในตอนนี้ กองทุน WE-EVOSEMI มีความน่าสนใจในเชิงมูลค่ามากที่สุด ในหลาย ๆ ด้านดังนี้
1. ค่า P/E ที่ดูแล้ว ถูกกว่ากองอื่น ๆ
2. P/CF หรือราคาหุ้นเทียบกระแสเงินสดที่เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจหากเทียบกับราคา
3. P/B หรือสัดส่วนราคาหุ้นเทียบกับมูลค่าทางบัญชีหรือสินทรัพย์ของบริษัท
4. Current ratio หรือสัดส่วนของทรัพย์สินหมุนเวียนเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนที่ใช้วัดสภาพคล่องของบริษัทและความปลอดภัย ที่มีระดับมากกว่าอีก 2 กองทุน
5. ค่า Beta หรือค่าที่ใช้วัดว่าสินทรัพย์ชนิดนั้น ๆ มีความสอดคล้องกับอีกสินทรัพย์มากเพียงใด ซึ่งหากนำค่า Beta ของกองทุน WE-EVOSEMI เราก็จะเห็นได้ว่าค่า Beta อยู่ที่ 1.0 หากเทียบกับ S&P 500 หรือพูดได้ว่ามีความผันผวนเท่ากับ S&P 500 เทียบกับอีกสองกองทุนที่มีความผันผวนมากกว่า
ดังนั้นเมื่อเห็นดังนี้แล้ว เราอาจจะสรุปได้ว่า ณ จุด ๆ นี้กองทุน WE-EVOSEMI มีความผันผวนที่ต่ำกว่าอีกสองกองทุน อีกทั้งยังมีความน่าสนใจในเชิงมูลค่าที่มากกว่าอีกด้วย
เทียบประมาณการ Upside กองทุนไหนมีแนวโน้มทำผลตอบแทนได้มากที่สุด
ภาพแสดงประมาณการผลตอบแทน 12 เดือนข้างหน้าของหุ้นในพอร์ตกองทุน SCBSEMI ที่มา: FINNOMENA Investment Team วันที่ 21 มิถุนายน 2021
ภาพแสดงประมาณการผลตอบแทน 12 เดือนข้างหน้าของหุ้นในพอร์ตกองทุน WE-EVOSEMI ที่มา: FINNOMENA Investment Team วันที่ 21 มิถุนายน 2021
ภาพแสดงประมาณการผลตอบแทน 12 เดือนข้างหน้าของหุ้นในพอร์ตกองทุน LHSEMICON ที่มา: FINNOMENA Investment Team วันที่ 21 มิถุนายน 2021
ดู Valuation อย่างเดียวก็คงจะไม่พอ เราลองมาดูศักยภาพทางด้านผลตอบแทนประกอบควบคู่กันไปด้วย
ถ้าเรามาสำรวจประมาณการ Upside ถึงโอกาสในการสร้างผลตอบแทนของหุ้นในพอร์ตของแต่ละกองทุน เราก็จะสังเกตได้ว่าในตอนนี้ หุ้นในพอร์ตโดยรวมของกองทุน WE-EVOSEMI สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้ดีที่สุดที่ 21.97% ตามมาด้วยกองทุน SCBSEMI ที่ 19.40% และ LHSEMICON ที่ 15.42% หรือเรียกได้ว่าในจังหวะนี้หุ้นในพอร์ตกองทุน WE-EVOSEMI มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้สูงที่สุดในระยะ 12 เดือนข้างหน้า
โอกาสในกองทุน WE-EVOSEMI
จากปัจจัยต่าง ๆ ข้างต้น เราจึงอาจสรุปได้ว่าตอนนี้ โอกาสอาจอยู่ในกองทุน WE-EVOSEMI ที่มีความน่าสนใจ สมเหตุสมผลทั้งในแง่ของเชิงมูลค่าหรือ Valuation มีความผันผวนที่ต่ำกว่ากองทุนอื่น ๆ อีกทั้งยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้สูงกว่ากองทุนอื่น ๆ ในหมวดหมู่เดียวกันอีกด้วย
เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมทั้ง 3 กองทุน
ภาพแสดงตารางสรุปค่าธรรมเนียม ที่มา: FINNOMENA Investment Team วันที่: 21 มิถุนายน 2021
หากสังเกตจากตารางข้างต้น เราอาจสรุปได้ว่า WE-EVOSEMI มีค่าธรรมเนียมทั้งในส่วนของค่าธรรมเนียมรวมรายปี (%) และ ค่าธรรมเนียมการขาย (%) ที่สูงที่สุดหากเทียบกับทั้งสามกองทุน ซึ่งเหตุผลส่วนหนึ่งอาจมาจากการที่ตัวกองทุน มีนโยบายจัดการแบบ Active แต่ถึงอย่างนั้นหากเทียบกับปัจจัยต่าง ๆ ข้างต้น WE-EVOSEMI ก็ถือได้ว่ามีความได้เปรียบอยู่ค่อนข้างมากเลยทีเดียว
โปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ เปิดบัญชีลงทุนครั้งแรกกับ FINNOMENA รับหน่วยลงทุน PCASH มูลค่า 100 บาท ตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. – 31 พ.ค. 65 คลิก https://finno.me/havefund-promotion
Mr. Serotonin
References
https://fortune.com/2021/05/09/chip-semiconductor-shortage-global-end/
https://www.azom.com/article.aspx?ArticleID=20351
https://www.semiconductors.org/wp-content/uploads/2020/03/2021_SIA_Industry-Facts_5-19-2021.pdf
https://www.vaneck.com/nl/en/library/fact-sheets/smh-fact-sheet
https://www.weasset.co.th/downloads/fund/WE-EVOSEMI/WE-EVOSEMI_Masterfund.pdf?v=2
ข้อมูลส่วนหนึ่งจาก FINNOMENA Investment Team