จะเป็นอย่างไรหากระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลก!
ในบทความนี้เราจะพาไปเจาะลึกกองทุนน้องใหม่ป้ายแดงซึ่งเป็นกองทุนแรกในประเทศไทยที่มีนโยบายลงทุนใน ARKQ อย่างกองทุน TMB-ES-AUTOMATION ที่จะมาเปลี่ยนแปลงโลกด้วยนวัตกรรมระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์
สารบัญ
- ทำไมระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์จึงมีความน่าสนใจ?
- เปลี่ยนแปลงโลกสู่ระบบอัตโนมัติไปพร้อมกับกองทุน TMB-ES-AUTOMATION
- Investment Focus ของ ARKQ
- ลงทุนในกองทุน TMB-ES-AUTOMATION แล้วจะได้ลงทุนในบริษัทอะไรบ้าง?
- ผลการดำเนินงาน
- ปัจจัยความเสี่ยงของกองทุน TMB-ES-AUTOMATION
- ค่าธรรมเนียมต่างๆ ของกองทุน TMB-ES-AUTOMATION
- เงินลงทุนขั้นต่ำในการลงทุน
- สรุป 5 ข้อ กองทุน TMB-ES-AUTOMATION
- กองทุน TMB-ES-AUTOMATION เหมาะกับใคร ?
ทำไมระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์จึงมีความน่าสนใจ?
- หุ่นยนต์มีความแม่นยำและความสม่ำเสมอมากกว่ามนุษย์ ซึ่งคุณลักษณะทั้งสองประการนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับกระบวนการผลิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการผลิตที่ต้องการผลผลิตจำนวนมาก นอกจากนี้ยังสามารถทำงานให้เสร็จได้เร็วขึ้นเป็นอย่างมาก
- หุ่นยนต์ไม่มีความรู้สึกเบื่อหน่ายในการทำงานแบบเดิมซ้ำ ๆ จึงสามารถใช้งานได้เป็นระยะเวลานานโดยที่คุณภาพของผลผลิตไม่ลดลง
- หุ่นยนต์สามารถทำงานในสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นอันตรายได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะส่งผลเสียต่อสุขภาพดังเช่นแรงงานมนุษย์
- หุ่นยนต์ไม่ต้องการเงินเดือน โบนัส สวัสดิการ การลาพักร้อน หรือค่าตอบแทนในรูปแบบอื่น ๆ ดังนั้นจึงมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าในการนำมาใช้งาน แต่อาจจะมีค่าบำรุงรักษาตามระยะเวลาเท่านั้น
สร้างแผนและเปิดบัญชีกองทุนรวมกับ FINNOMENA สะดวก รวดเร็ว เปิดออนไลน์ ไม่ต้องส่งเอกสารให้ยุ่งยาก พร้อมเลือกซื้อกองทุนกว่า 1,000 กอง จาก 22 บลจ. ครอบคลุมทุกบลจ. ในประเทศไทย สร้างแผนและเปิดบัญชี คลิก: https://finno.me/open-plan
เปลี่ยนแปลงโลกสู่ระบบอัตโนมัติไปพร้อมกับกองทุน TMB-ES-AUTOMATION
กองทุน TMB-ES-AUTOMATION หรือกองทุนเปิดทีเอ็มบี อีสท์สปริง Autonomous Technology and Robotics จาก บลจ.ทหารไทย (TMB) มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน ARK Autonomous Technology & Robotics ETF (ARKQ) และหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ และ/หรือ กองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศ เมื่อรวมกันแล้วโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงระดับ 6
สำหรับกองทุน ARK Autonomous Technology & Robotics ETF (ARKQ) มีนโยบายการลงทุนแบบเชิงรุก (active management) เน้นลงทุนในบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงนวัตกรรม (disruptive innovation theme) ทางด้านเทคโนโลยีการทำงานอัตโนมัติและวิทยาการหุ่นยนต์ (autonomous technology and robotics companies) ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การได้รับประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการในสาขาต่าง ๆ
Investment Focus ของ ARKQ
Investment Focus ของ ARKQ
ที่มา: ark-invest.com
Robotics & Automation
จากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดพบว่าประมาณ 47% ของงานทั้งหมดในสหรัฐฯ กำลังจะดำเนินไปด้วยระบบอัตโนมัติในช่วง 10 ถึง 20 ปีข้างหน้า ทางด้าน ARK ก็คาดการณ์ว่าภายในปี 2035 หุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่งานตำแหน่งงานในอุตสาหกรรมการเกษตรกว่า 316,000 ตำแหน่ง หรือคิดเป็น 60% ของตำแหน่งงานทั้งหมด 530,000 ตำแหน่งในช่วงเวลานั้น แม้ว่า
แนวโน้มดังกล่าวจะดูเป็นข่าวที่ไม่ค่อยดีสำหรับแรงงานสหรัฐฯ สักเท่าไร แต่จากการศึกษา
แบบเชิงลึกพบว่า ระบบอัตโนมัติจะกระตุ้นผลิตภาพการผลิตและเพิ่ม GDP ต่อแรงงานอย่างมหาศาล
ต้นทุนเริ่มต้นของหุ่นยนต์ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ประมาณ $250,000 โดยมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและการบำรุงรักษาอยู่ที่ประมาณ $10,000 ต่อปี และมีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12 ปี ในขณะที่ค่าจ้างรายชั่วโมงของพนักงานโรงงานโดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ระหว่าง $2 – $47 ต่อชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ) โดยไม่นับรวมถึงค่าฝึกอบรม ค่าสวัสดิการด้านสุขภาพ และวันลาหยุดพักร้อนอื่น ๆ
แม้ในตอนแรกหุ่นยนต์จะมีราคาที่สูงกว่าการจ้างแรงงานมนุษย์ แต่จุดคุ้มทุนเกิดขึ้นค่อนข้างรวดเร็ว บริษัทในเยอรมนีหรือในสหรัฐอเมริกาที่เปลี่ยนจากการใช้แรงงานคนสู่การใช้หุ่นยนต์เกิดจุดคุ้มทุนในระยะเวลาเพียง 1 ปีเท่านั้น
ข้อดีอีกประการหนึ่งของระบบหุ่นยนต์คือสามารถทำงานให้เสร็จสิ้นได้แม้อยู่ในสภาพแวดล้อม
การผลิตที่อาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ ตัวอย่างเช่น KUKA Robotics ผลิตหุ่นยนต์ทนความร้อนที่สามารถทำงานได้ในสภาพแวดล้อมการผลิตที่มีความร้อนสูง นอกจากนี้หุ่นยนต์ยังสามารถลด
ข้อผิดพลาดและเพิ่มความแม่นยำในการผลิตได้ เนื่องจากมีเทคโนโลยีในการตรวจจับขั้นสูง
แม้ว่าจะมีผู้ผลิตอีกหลายรายที่ยังไม่ได้นำหุ่นยนต์มาใช้ในอุตสาหกรรม เนื่องจากมีต้นทุนล่วงหน้าค่อนข้างสูงแต่ปัจจัยค่าจ้างแรงงานคนที่สูงขึ้นและความสามารถในการลดต้นทุนการผลิตใน
ระยะยาวของระบบอัตโนมัติจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการนำหุ่นยนต์มาใช้ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าแรงงานหุ่นยนต์อาจเป็นตัวกระตุ้นกำลังการผลิตในสหรัฐฯ ให้กลับมาอีกครั้ง
ไม่เพียงแต่อุตสาหกรรมการผลิตเท่านั้น แม้แต่อุตสาหกรรม Healthcare ก็มีการนำหุ่นยนต์มาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยดูแลผู้สูงอายุเช่นกัน สืบเนื่องจากโครงสร้างประชากรโลกที่กำลังจะเปลี่ยนสู่สังคมผู้สูงอายุ ส่งผลให้จำนวนพยาบาลมีไม่เพียงพอต่อการให้บริการ แม้ว่าหุ่นยนต์จะไม่ได้ถูกใช้สำหรับการผ่าตัด แต่ก็สามารถเติมเต็มปัญหาการขาดแคลนพยาบาลได้เป็นอย่างดี ด้วยหุ่นยนต์
ผู้ช่วยพยาบาลทำให้พยาบาลมนุษย์สามารถทำงานได้มากขึ้น เพิ่มคุณภาพในการดูแลผู้ป่วยพร้อมลดค่าใช้จ่ายในเวลาเดียวกันซึ่งเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรม Healthcare เป็นอย่างมาก โดยในปี 2013 มีการขายหุ่นยนต์ทางการแพทย์มูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วทั่วโลก
กราฟแท่งแสดงอัตราการเติบโตของ Real GDP สหรัฐฯ ปี 2020-2025
ที่มา: ARK Research
ระบบอัตโนมัติสามารถเพิ่ม 5% หรือ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ให้กับ GDP ของสหรัฐฯ ในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดย ARK เชื่อว่าระบบอัตโนมัติจะช่วยเพิ่มการเติบโตของ GDP ที่แท้จริงของสหรัฐฯโดยเฉลี่ยต่อปีเป็น 3.4%
มูลค่าตลาดหุ่นยนต์ทั่วโลก ปี 2018-2025
ที่มา: Statista
สำหรับการคาดการณ์การเติบโตของตลาดหุ่นยนต์ทั่วโลก ทาง Statista ได้คาดการณ์ว่าตลาดหุ่นยนต์ทั่วโลกจะมีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ราว 26% และมีมูลค่าตลาดแตะ 210 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2568
3D Printing
การพิมพ์ 3 มิติเป็นรูปแบบหนึ่งของการผลิตแบบเติมแต่งที่สร้างวัตถุทีละชั้น ซึ่งต่างจากการผลิตแบบเดิมที่นำวัสดุออกจากบล็อกขนาดใหญ่ โดยการพิมพ์ 3 มิตินี้จะช่วยลดระยะเวลาระหว่างการออกแบบและการผลิตให้สั้นลง เปลี่ยนอำนาจให้กับนักออกแบบ และลดห่วงโซ่อุปทานที่มีความซับซ้อนของต้นทุนการผลิตแบบดั้งเดิม โดย ARK เชื่อว่าอุตสาหกรรม 3D Printing ทั่วโลกจะขยายตัวในอัตรา 60% ต่อปีในช่วง 5 ปีข้างหน้าจาก 12 พันล้านดอลลาร์ เป็นประมาณ 120 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2025
ตัวอย่างการนำ 3D Printing มาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
- Airbus คาดว่าการพิมพ์ 3 มิติจะช่วยประหยัดต้นทุนได้ถึง 60-70% พร้อมลดน้ำหนักได้กว่า 50% สำหรับชิ้นส่วนเครื่องบิน โดยแอร์บัสได้ทำการทดสอบเที่ยวบินด้วย A350 XWB ซึ่งใช้เครื่องยนต์ของโรลส์รอยซ์ที่มีส่วนประกอบการบินและอวกาศจากการพิมพ์ 3 มิติที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยการผลิตแบบเติมแต่งโรลส์รอยซ์นี้สามารถลดเวลาในการผลิตเครื่องยนต์ลงได้ถึงหนึ่งในสาม นอกจากนี้แอร์บัสยังใช้ซอฟต์แวร์ของ Autodesk ในการออกแบบผนังกั้นเครื่องบินที่ใช้การพิมพ์ 3 มิติ โดยชิ้นส่วนที่ได้นั้นเบากว่าพาร์ติชั่นปัจจุบันถึง 45% และหากใช้กับเครื่องบิน A320 จะสามารถประหยัดการปล่อย CO2 ได้ 465,000 เมตริกตันต่อปี ซึ่งหากเปรียบเทียบแล้วจะเท่ากับการนำรถยนต์ออกจากท้องถนนถึง 96,000 คัน
Airbus A350 XWB
ที่มา: Airbus
- Nike และ Adidas นำเทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 3 มิติมาใช้เพื่อพลิกโฉมในการออกแบบและผลิตรองเท้า ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 3 มิตินี้ทำให้สามารถผลิตรองเท้าได้ด้วยน้ำหนักที่เบากว่าการผลิตแบบปกติ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานด้วยความสามารถในการยึดเกาะบนสนามหญ้าได้ดีขึ้น นอกจากเรื่องประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์แล้ว การพิมพ์ 3 มิติยังช่วยลดต้นทุนแรงงานได้ถึง 50% พร้อมลดการใช้วัสดุในการผลิตได้ถึง 20% ส่งผลให้ Nike สามารถลดขยะที่จากการผลิตได้มากกว่าสองล้านปอนด์ตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา
Nike’s 3D Printed Shoes
ที่มา: Nike
- Ford Motor ใช้การพิมพ์ 3 มิติในการผลิตแม่พิมพ์และต้นแบบ ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการรอสินค้าลง จากเดือนหรือสัปดาห์เป็นวันหรือชั่วโมง พร้อมลดต้นทุนชิ้นส่วนอะไหล่ให้เหลือเพียงเศษเสี้ยวของการพิมพ์แบบปกติ ฟอร์ดได้ทดลองใช้การพิมพ์ 3 มิติเป็นเวลากว่า 25 ปี ในปัจจุบันฟอร์ดมีศูนย์การพิมพ์ 3 มิติ 5 แห่งโดยแต่ละแห่งสามารถพิมพ์ชิ้นส่วนได้ 20,000 ชิ้นต่อปี ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนได้หลายพันล้านดอลลาร์และลดชั่วโมงแรงงานหลายล้านชั่วโมง นอกจากนี้ฟอร์ดยังมองเห็นอนาคตที่จะนำการพิมพ์ 3 มิติไปใช้กับตัวแทนจำหน่ายสำหรับชิ้นส่วนอะไหล่ และจะทำให้ลูกค้าสามารถออกแบบอุปกรณ์เสริมสำหรับรถยนต์แบบกำหนดเองได้ด้วยการพิมพ์ 3 มิติ
- โรงพยาบาล Holy Family General ในประเทศเบลเยียมได้ทำการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมโดยใช้วิธีการเอกซเรย์หัวเข่าของ Materialise เป็นครั้งแรก ซอฟต์แวร์นี้จะแปลงภาพเอกซเรย์ 2 มิติเป็นภาพ 3 มิติ ซึ่งจะช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการสแกน MRI หรือ CT เพื่อสร้างแบบจำลอง 3 มิติ (ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการสแกน MRI อยู่ที่ $2,700 และค่าใช้จ่ายสำหรับการสแกน CT อยู่ระหว่างช่วง $270 – $5,000) นอกจากนี้โมเดล 3 มิติยังช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนขั้นตอนทางการแพทย์ได้อย่างแม่นยำ เพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนอีกด้วย
3D Printed Knee Replacement Surgery
ที่มา: 3dprint.com
Autonomous Transportation
Autonomous Mobility-as-a-Service (MaaS) กำลังจะกลายเป็นอนาคตของระบบขนส่งทั่วโลก เนื่องจากความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่เหนือกว่าการขนส่งประเภทอื่น ๆ ซึ่ง MaaS ครอบคลุมตั้งแต่รถแท็กซี่ไร้คนขับไปจนถึง Logistics-as-a-Service การขนส่งสินค้าด้วยระบบอัตโนมัติที่สามารถลดต้นทุนได้เกินกว่าครึ่งของค่าใช้จ่ายสำหรับการขนส่งสินค้าในปัจจุบัน
ARK คาดการณ์ไว้ว่ารถแท็กซี่ไร้คนขับมีค่าเดินทางอยู่ที่ $0.35 ต่อไมล์ ด้วยความสามารถในการลดต้นทุนการเดินทางนี้ทำให้แท็กซี่ไร้คนขับมีความสามารถในการแข่งขันค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการขนส่งประเภทอื่น ๆ
ค่าโดยสารต่อไมล์ของยานพาหนะประเภทต่าง ๆ
ที่มา: ark-invest.com
นอกจากความสามารถในการลดต้นทุนการเดินทางแล้วแท็กซี่ไร้คนขับยังสามารถลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจราจรได้ถึง 28,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี สามารถลดอัตราการอุบัติเหตุทางรถยนต์ลงได้ถึง 80% โดยคาดว่าจะลดอุบัติเหตุร้ายแรงบนท้องถนนได้ถึง 5.5 ล้านครั้งทั่วโลกภายในปี 2035 และมีโอกาสที่จะลดการเสียชีวิตจากสาเหตุเมาแล้วขับหรือการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถจนตัวเลขใกล้เคียงศูนย์ และช่วยให้ผู้ที่ไม่สามารถขับรถยนต์ได้ เช่น ผู้สูงอายุ คนตาบอด ผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ หรือแม้แต่ครอบครัวที่มีรายได้น้อยที่ไม่สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์มีทางเลือกในการเดินทางที่สะดวก ปลอดภัย และประหยัดมากขึ้น ซึ่งผลประโยชน์เหล่านี้ ARK เชื่อว่าจะสามารถชดเชยรายได้ที่หายไปจากการขายน้ำมันตลอดจนค่าประกันและค่ารักษาพยาบาลรวมไปถึงค่าซ่อมบำรุงรักษาที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ทุกปี
การคาดการณ์ GDP สหรัฐฯ เมื่อมีรถแท็กซี่ไร้คนขับ
ที่มา: ask-invest.com
การลดลงของยอดขายรถยนต์ในอนาคตที่อาจดูเหมือนเป็นข่าวร้ายสำหรับอุตสาหกรรมผู้ผลิตรถยนต์ แต่จากการวิจัยของ ARK แสดงให้เห็นว่าแท็กซี่ไร้คนขับสามารถเพิ่มผลผลิตทางเศรษฐกิจได้ประมาณ 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2035
ARK เชื่อว่ามูลค่าตลาดของผู้ให้บริการยานยนต์ไร้คนขับจะมีมูลค่ามากกว่าตลาดของผู้ผลิตรถยนต์ทั่วไปประมาณเก้าเท่า ซึ่ง ARK มองว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไร้คนขับยังอยู่ในช่วงต้นน้ำอยู่จึงเหลือโอกาสในการลงทุนอยู่จำนวนมาก ความก้าวหน้าด้านความปลอดภัยของยานยนต์ไร้คนขับจะเป็นอีกหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้ยานยนต์ไร้คนขับอย่างรวดเร็ว โดยจีนมีแนวโน้มที่จะเป็นหนึ่งในตลาด MaaS ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ลงทุนในกองทุน TMB-ES-AUTOMATION แล้วจะได้ลงทุนในบริษัทอะไรบ้าง?
สัดส่วนเทคโนโลยี ARKQ ลงทุน (ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2020)
ที่มา: ARKQ Fund Factsheet
สัดส่วนการลงทุนแบ่งตามภาคอุตสาหกรรมของ ARKQ (ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2020)
ที่มา: ARKQ Fund Factsheet
Top 10 Holdings ของ ARKQ (ข้อมูล ณ วันที่ 05/03/2021)
ที่มา: ark-funds.com
- Baidu Inc — ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตในจีน Baidu.com ที่ช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถค้นหาข้อมูลออนไลน์รวมถึงรูปภาพ ข่าวสาร วีดีโอ ฯลฯ ผ่านแพลตฟอร์มของบริษัทได้ทุกที่ทุกเวลา นอกเหนือจากการให้บริการแพลตฟอร์มค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตแล้ว บริษัทยังที่มีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI มาใช้ริเริ่มธุรกิจใหม่ ๆ เช่น DuerOS Apollo และ Baidu Cloud
-
- DuerOS: เป็นระบบปฏิบัติการที่สั่งการด้วยเสียง DuerOS ถูกติดตั้งบนอุปกรณ์อัจริยะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ทีวี ตู้เย็น โคมไฟ สมาร์ทโฟน ลำโพง เครื่องซักผ้า และอุปกรณ์อื่น ๆ อีกมากมาย โดยในปี 2018 ได้เปิดตัวอุปกรณ์ลำโพงอัจริยะ “Xiaodu Smart Speaker” ที่ใช้ระบบปฏิบัติการของ DuerOS ซึ่งเป็นลำโพงอัจริยะตัวแรกในประเทศจีนที่มีจอแสดงผล ด้วยฟังก์ชันการใช้งานมากกว่า 1,000 ประเภท
Baidu’s Smart Speaker Xiaodu Zaijia X8
ที่มา: scmp.com
-
- Apollo: แพลตฟอร์มยานยนต์ไร้คนขับที่รวบรวมความสามารถในการขับขี่ต่าง ๆ ไว้เสมือนรถยนต์ที่ขับเคลื่อนโดยมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็น ความสามารถในการหลบหลีกสิ่งกีดขวาง ความสามารถในการจอดรถ ความสามารถในการเปลี่ยนเลน ฯลฯ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ไขมลพิษทางอากาศที่เกิดจากการจราจรติดขัดและลดการเกิดอันตรายบนท้องถนน ซึ่งในเดือนกรกฎาคมปี 2017 Apollo ได้เปิดตัวรถมินิบัส Apolong L4 ซึ่งเป็นรถรับส่งอัตโนมัติแบบไม่มีพวงมาลัยคันแรกที่วางจำหน่ายในประเทศจีน
Apollo Minibus Apolong L4
ที่มา: iot-automotive.news
-
- Baidu Cloud: ให้บริการโซลูชั่น AI โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ และบริการอื่น ๆ แก่องค์กรและบุคคลเป็นหลัก โดยมีเป้าหมายในการนำเสนอเครื่องมือ ผลิตภัณฑ์และการบริการที่ครอบคลุมเพื่อให้องค์กรต่าง ๆ สาามารถปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานได้ ตัวอย่างเช่น การใช้โซลูชัน Baidu AI เพื่อทำให้ศูนย์บริการลูกค้าเป็นระบบอัตโนมัติแทนระบบ IVR และทีมงานคอลเซ็นเตอร์จำนวนมาก
Baidu’s AI
ที่มา: WackyTechTips
- JD.com Inc — ผู้ให้บริการด้านอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีนที่เปิดให้บริการทั่วโลก โดย JD.com ได้มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น ระบบสมาร์ทโลจิสติกส์ สมาร์ทซับพลายเชน ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ AR/VR ความก้าวหน้าในนวัตกรรมต่าง ๆ นี้ทำให้ JD.com กลายเป็นผู้ให้บริการด้านอีคอมเมิร์ซระดับต้น ๆ ของโลก โดยได้ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซที่มีมูลค่าตลาดสูงเป็นอันดับที่ 4 ของโลกหลังจากธุริจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการเกิดโรคระบาด COVID-19
Top 10 Largest E-Commerce Companies by Market Cap (ข้อมูล ณ วันที่ 09/03/2021)
ที่มา: companiesmarketcap.com/
JD ได้นำนวัตกรรมโดรนมาใช้ขยายเครือข่ายการจัดส่งสินค้าของบริษัท โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาโซลูชันโลจิสติกส์อัจฉริยะเพื่อให้การขนส่งสินค้าจากคลังสินค้าไปสู่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วขึ้น ต้นทุนการขนส่งที่ต่ำลง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเริ่มจากพื้นที่ชนบท 4 แห่งในจีน เนื่องจากผู้อยู่อาศัยในชนบทจำนวนมากมักมีทางเลือกในการซื้อสินค้าน้อยกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง ผู้อยู่อาศัยในชนบทสามารถซื้อสินค้าได้จากร้านค้าในพื้นที่เท่านั้น ซึ่งมักพบว่ามีราคาสูงกว่าราคาสินค้าโดยทั่วไป ด้วยโปรแกรม JD Drone นี้จะทำให้ผู้อยู่อาศัยในชนบทได้รับประสบการณ์การช็อปปิ้งออนไลน์ที่ดีขึ้น สามารถเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพดีในราคาที่สมเหตุสมผลได้
JD Drone Delivery
ที่มา: jdcorporateblog.com
นอกจากโดรนส่งสินค้าแล้ว JD ยังพัฒนาสถานีขนส่งอัจฉริยะที่ทำงานร่วมกับหุ่นยนต์จัดส่งสินค้าที่สามารถบรรจุของได้ถึง 30 ชิ้น โดยหุ่นยนต์จัดส่งสินค้านี้สามารถวางแผนเส้นทาง หลีกเลี่ยงอุปสรรคสิ่งกีดขวาง และมีความสามารถในการรับรู้ไฟจราจรได้อย่างแม่นยำ พร้อมทั้งมีเทคโนโลยีในการจดจำใบหน้าซึ่งช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถรับพัสดุได้อย่างสะดวกสบายและมีความปลอดภัย โดยสามารถจัดส่งพัสดุได้มากถึง 2,000 ชิ้นต่อวัน ซึ่งนวัตกรรมนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านโลจิสติกส์ให้กับบริษัทได้เป็นอย่างมาก
JD Smart Delivery Station
ที่มา: jdcorporateblog.com
สำหรับนวัตกรรมด้านปัญญาประดิษฐ์ JD ได้มีการนำนวัตกรรม AI มาประยุกต์ใช้เข้ากับทุกภาคส่วนของธุรกิจ ตั้งแต่การออกแบบอัลกอริทึมเพื่อเรียนรู้พฤติกรรมและคาดการณ์แนวโน้มความต้องการของผู้ใช้บริการ ตลอดจนการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถจดจำเสียงและลายนิ้วมือที่มีความซับซ้อน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถซื้อสินค้าออนไลน์ได้โดยใช้คำสั่งเสียง
ผลการดำเนินงาน
Fund Performance ของ ARKQ (ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2020)
ที่มา: ARKQ Fund Factsheet
** ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต **
เนื่องจากกองทุน TMB-ES-AUTOMATION เป็นกองทุนน้องใหม่ป้ายแดงเลยยังไม่มีข้อมูลผลตอบแทนย้อนหลัง ในที่นี่จึงขอหยิบยกผลตอบแทนของหลักทรัพย์ที่กองทุน TMB-ES-AUTOMATION เข้าลงทุนอย่าง ARKQ มาให้ได้ดูกัน โดย ARKQ สามารถสร้างผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีไปได้ถึง 107.23% ในขณะที่ดัชนีหุ้นระดับโลกอย่าง S&P 500 Index และ MSCI World Index สามารถสร้างผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีไปได้เพียง 18.40% และ 15.90% ตามลำดับ
สมมติการเติบโตของเงิน $10,000 เมื่อลงทุนใน ARKQ ตั้งแต่เริ่มจัดตั้ง (ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2020)
ที่มา: ARKQ Fund Factsheet
** ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต **
สงสัยกันไหมว่าถ้าเราลงทุนใน ARKQ ตั้งแต่กองทุนเข้าจดทะเบียนเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2014 แล้ววันนี้เงินลงทุนนั้นจะงอกเงยไปได้เท่าไร? หากใครที่กำลังสงสัยอยู่ก็ไม่ต้องไปหาสูตรคำนวณที่ไหนไกลเพราะทาง ARK เขาก็ได้จำลองกราฟมาให้เราได้เห็นภาพชัดขึ้นแล้ว จากรูปสมมติให้เงินลงทุนเริ่มต้นเท่ากับ $10,000 จะเห็นได้ว่าหากเราเริ่มลงทุนใน ARKQ ด้วยเงินลงทุนจำนวน $10,000 ตั้งแต่ที่กองทุนเข้าจดทะเบียน ถ้าเงินลงทุนนั้นสามารถงอกเงยไปได้ถึง $40,000 ในสิ้นปี 2020 ซึ่งคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ถือว่า ARKQ สามารถสร้างผลตอบแทนไปได้กว่า 300% เลยทีเดียว
ปัจจัยความเสี่ยงของกองทุน TMB-ES-AUTOMATION
กองทุน TMB-ES-AUTOMATION จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงระดับ 6 โดยมีปัจจัยความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- ความเสี่ยงจากความผันผวนของผลการดำเนินงาน (SD): >25% (สูง)
- ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน: มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- ความเสี่ยงจากการลงทุนกระจุกตัว
- ความเสี่ยงจากการลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม: 20-50% โดยมีการลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรม Information Technology
- ความเสี่ยงจากการลงทุนกระจุกตัวในประเทศใดประเทศหนึ่ง: 20-50% โดยมีการลงทุนกระจุกตัวในประเทศสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงได้ด้วยการจัดพอร์ตการลงทุน โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดพอร์ตการลงทุนจากฟินโนมีนาได้ที่ https://www.finnomena.com/port/
ค่าธรรมเนียมต่างๆ ของกองทุน TMB-ES-AUTOMATION
- ค่าธรรมเนียมการจัดการ: 1.070%
- ค่าธรรมเนียมการขายและ Switching-in: 1.00%
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายรวม: 1.2585%
เงินลงทุนขั้นต่ำในการลงทุน
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1 บาท
สรุป 5 ข้อ กองทุน TMB-ES-AUTOMATION
- มีนโยบายลงทุนในบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงนวัตกรรม (disruptive innovation theme) ทางด้านเทคโนโลยีการทำงานอัตโนมัติและวิทยาการหุ่นยนต์ (autonomous technology and robotics companies)
- เน้นการลงทุนใน ARKQ โดยเป็นกองทุนแรกในไทยที่มีนโยบายลงทุนใน ARKQ
- ให้น้ำหนักกับสัดส่วนการลงทุนไปที่ภาคอุตสาหกรรม Information Technology
- จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงระดับ 6 โดยมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ
- ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 1 บาทก็สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงโลกสู่ระบบอัตโนมัติไปพร้อมกับ TMB-ES-AUTOMATION ได้
กองทุน TMB-ES-AUTOMATION เหมาะกับใคร ?
- ผู้ที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากนวัตกรรม Autonomous Technology and Robotics
- ผู้ที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังต่างประเทศ
- ผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูงเพื่อสร้างโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
- ผู้ที่สามารถลงทุนในระยะกลางถึงยาวได้
— planet 46.
อ่านเพิ่มเติม พาสำรวจจักรวาล ARK ผู้นำ ETF แห่งทศวรรษ
อ่านเพิ่มเติม รีวิวกองทุน WE-CYBER และ ARKW: ลงทุนใน Next Generation Internet ที่จะเติบโตในโลกยุคใหม่
อ่านเพิ่มเติม รีวิวกองทุน TGENOME และ ARKG: เมื่อสุขภาพและเทคโนโลยีถึงคราวมาบรรจบกัน
อ่านเพิ่มเติม รีวิวกองทุน MFTECH: ก้าวไปอีกขั้นกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมการเงิน
อ่านเพิ่มเติม รีวิวกองทุน TMB-ES-GINNO: กองทุนแห่งนวัตกรรมสู่การใช้ชีวิตรูปแบบใหม่
สร้างแผนและเปิดบัญชีกองทุนรวมกับ FINNOMENA สะดวก รวดเร็ว เปิดออนไลน์ ไม่ต้องส่งเอกสารให้ยุ่งยาก พร้อมเลือกซื้อกองทุนกว่า 1,000 กอง จาก 22 บลจ. ครอบคลุมทุกบลจ. ในประเทศไทย สร้างแผนและเปิดบัญชี คลิก: https://finno.me/open-plan
อ้างอิง
- http://ark-invest.com/
- http://ark-funds.com/
- https://ark-invest.com/big-ideas-2021/
- https://ark-invest.com/articles/analyst-research/3d-printed/
- https://ark-invest.com/articles/analyst-research/nurse-assistant-robots/
- https://ark-invest.com/articles/analyst-research/robots-will-save-manufacturing-billions/
- https://ark-invest.com/articles/analyst-research/automation-growing-economy-creating-jobs/
- https://ark-invest.com/articles/analyst-research/autonomous-vehicle-safety/
- https://ark-invest.com/articles/analyst-research/autonomous-taxis-cheaper-walking/
- https://ark-invest.com/articles/analyst-research/self-driving-cars/
- https://ela-newsportal.com/how-will-robots-change-the-world/
- https://corporate.jd.com/ourBusiness
- https://ir.baidu.com/Baidu-Core
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”