เมื่อช่วงหัวค่ำของวันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ได้ปรับขึ้นทะลุจุดสูงสุดเดิมที่ 1,280,000 บาท และเมื่อช่วงเช้าวันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 ราคาได้ปรับขึ้นต่อเนื่องและทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 1,400,000 บาท บนกระดานเทรดสกุลเงินดิจิทัลของไทยอย่าง Bitkub หรือประมาณ 46,794 ดอลลาร์ฯ บนกระดานเทรดต่างประเทศ
Tesla ร่วมทัพถือ Bitcoin!
การปรับตัวทะลุจุดสูงสุดเดิมของ Bitcoin ครั้งนี้ มาจากการเข้าซื้อของ Tesla บริษัทเทคโนโลยีชื่อดังระดับโลก ซึ่งมีบุคคลที่ทั่วโลกกำลังจับตามองอย่างนาย Elon Musk ผู้เป็น CEO ของ Tesla โดยทาง Tesla ได้เข้าซื้อ Bitcoin เป็นมูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท!
ทาง Tesla ได้ให้เหตุผลของการเข้าซื้อครั้งนี้ว่า “เพื่อความยืดหยุ่นทางการเงินและเพื่อเป็นการเก็งกำไรให้กับบริษัทฯ” นอกจากนี้ Tesla ยังระบุด้วยว่า “จะมีการพัฒนาระบบรับชำระเงินด้วย Bitcoin เพื่อซื้อสินค้าและบริการของ Tesla ผ่านกระดานเทรดต่าง ๆ ” ซึ่งจะทำให้ Tesla กลายเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์บริษัทแรกของโลกที่รับชำระเงินด้วยคริปโทเคอร์เรนซี
ก่อนหน้านี้ นาย Elon Musk ก็เคยส่งสัญญาณสนับสนุน Bitcoin โดยการเปลี่ยนสถานะบนบัญชีทวิตเตอร์ของเขาเป็นสัญลักษณ์ของ Bitcoin และกล่าวให้การสนับสนุน Bitcoin ผ่านทางนิตยสาร Forbes โดยระบุว่า Bitcoin เป็นสิ่งที่ดี และกำลังจะได้รับการสนับสนุนเป็นวงกว้างจากสังคมในอีกไม่นาน
ราคา Bitcoin ขึ้นเพราะบริษัทยักษ์ใหญ่
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ราคา Bitcoin ปรับสูงขึ้นโดยมีแรงหนุนมาจากข่าวการเข้าซื้อของบริษัทระดับโลก โดยก่อนหน้านี้ราคา Bitcoin ก็เคยปรับสูงขึ้นจากการเข้าซื้อของ Microstrategy บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ที่เข้าซื้อ Bitcoin เพื่อถือครองเป็นทรัพย์สินสำรองรวมกันแล้วมากกว่า 70,470 เหรียญ หากลองคิดมูลค่าเป็นเงินบาทไทยคร่าว ๆ จะอยู่ที่ประมาณ 9.2 หมื่นล้านบาท หรือ 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นอกจาก Tesla กับ Microstrategy แล้วยังมีบริษัทหรือองค์กรที่ตัดสินใจเข้าซื้อ Bitcoin เป็นทรัพย์สินสำรองอีกมากมาย ไม่ว่าจะ Grayscale บริษัทการเงินรายใหญ่ในสหรัฐฯ ที่มี Bitcoin ในความครอบครองสูงถึง 64,000 เหรียญ หรือแม้แต่สถาบันด้านการศึกษาอย่าง Harvard University ที่ถือครอง Bitcoin รวมกันเป็นมูลค่าสูงถึง 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทำไมบริษัทระดับโลกเลือกถือ Bitcoin?
การที่บริษัทระดับโลกเหล่านี้ตัดสินใจเข้าซื้อ Bitcoin เพื่อถือเป็นสินทรัพย์สำรอง เหมือนกับการที่ธนาคารกลางถือทองคำหรือสกุลเงินต่างประเทศ มาจากความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อ โดยเฉพาะในมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 จนเศรษฐกิจซบเซา
ผลกระทบดังกล่าวทำให้ธนาคารกลางของสหรัฐฯ (Federal Reserve) ตัดสินใจใช้มาตรการ Unlimited QE หรือมาตรการพิมพ์เงินไม่จำกัดจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะถึงระดับเป้าหมายที่ตั้งไว้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้บรรดาบริษัทและผู้คนทั่วโลกต่างมองหาสินทรัพย์ที่พวกเขาสามารถถือครองและปกป้องความมั่งคั่งของพวกเขาเอาไว้ได้ หนึ่งในตัวเลือกก็คือ Bitcoin นั่นเอง
การเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของ Bitcoin นับเป็นอีกสัญญาณที่ชัดเจนว่า Bitcoin กำลังได้รับความนิยมและการยอมรับจากองค์กรระดับโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน ที่เราเรียกว่า “ยุคดิจิทัล” ผู้คนโดยทั่วไปสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินบนอินเทอร์เน็ตได้อย่างง่ายดาย ประกอบกับคุณสมบัติของ Bitcoin ที่ได้รับการยอมรับให้เป็น “ทองคำดิจิทัล” อนาคตของ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลจึงเป็นเรื่องที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง!
อ้างอิง: CNBC, Cointelegraph, Decrypt, Coindesk