กองทุนหุ้นเทคโนโลยี หุ้นจีน หุ้นไทย หรือแม้กระทั่งตราสารหนี้ ต่างเป็นคำในแวดวงการลงทุนที่แวะเวียนเข้ามาในพื้นที่ข่าวสารบ่อยครั้งจนนักลงทุนหลายท่านต้องใช้คำว่า ‘มีกองทุนเหล่านี้ในพอร์ตหมดแล้ว’
เรามาลองสำรวจกองทุน ESG กันบ้าง เพราะ ถือเป็นอีกธีมการลงทุนที่ธรรมดาและสามารถลงทุนได้ในระยะยาว
รูปที่ 1 The Forum for Sustainable and Responsible Investment I Source : US SIF as of 4/11/2020
แต่ยังมีแนวการลงทุนที่กำลังเติบโตขึ้นมาในยุคที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ปัญหาความเลื่อมล้ำในสังคม ปัญหาด้านสวัสดิการและธรรมภิบาล นั่นคือ ‘ESG’ ที่ประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบ
Environment
นอกจากลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมแล้ว ยังรวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดความเสี่ยงการผิดมาตรการควบคุม หรือแม้กระทั่งเปิดเผยรายงานด้านสิ่งแวดล้อม
Social
ส่งเสริมกิจกรรมอาสาหรือบริจาคให้สังคม และให้ความสำคัญกับสภาพการทำงานของลูกจ้าง มุ่งเน้นคุณภาพของสินค้าเพื่อผู้บริโภค
Governance
มีระบบทางบัญชีที่โปร่งใส แม่นยำ เปิดโอกาสและปกป้องสิทธิ์ของผู้ถือหุ้น ไม่ใช้อิทธิพลเพื่อผลประโยชน์ และต้องไม่ส่งเสริมการกระทำที่ผิดกฎหมาย
เพราะการเติบโตต้องมาพร้อมความ ‘ยั่งยืน’
ด้วยปัญหาที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้นักลงทุนหันมาสนใจการลงทุนในธุรกิจที่มีความยั่งยืนในระยะยาว และต้องสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ความสนใจไม่ได้จำกัดอยู่เพียงนักลงทุนในตลาดแต่รวมไปถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาหลัง COVID-19 ซึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด คือ มาตรการฟื้นตัว 750,000 ล้านยูโรของสหภาพยุโรป ที่เล็งเห็นการระดมทุนจำนวนมากของธุรกิจที่มีความยั่งยืนเพื่อเร่งการเติบโต ซึ่งมาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของ EU Green Deal อันมีเป้าหมายที่จะนำพายุโรปไปสู่ทวีปที่ไม่สร้างผลกระทบต่อสภาพอากาศ
รูปที่ 2 สัดส่วนของปัจจัย ESG ที่ขับเคลื่อนผลตอบแทนทางการเงินในระยะกลาง (2-5 ปี) ของบริษัทแต่ละอุตสาหกรรม I Source : HSBC as of 4/11/2020
ล่าสุด ESG เริ่มมีบทบาทในผลตอบแทนของบริษัทโดย HSBC ออกบทความที่เปิดเผยว่าราว 43% ของปัจจัยขับเคลื่อนผลตอบแทนทางการเงินในระยะกลาง (2-5 ปี) ของบริษัท คือปัจจัยด้าน ESG และมีส่วนเกี่ยวข้องในทุกอุตสาหกรรม นอกจากนี้บริษัทที่มีการพัฒนาด้าน ESG มักสร้างผลตอบแทนเหนือบริษัทที่ไม่มีการพัฒนา สะท้อนบทบาทของ ESG ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่หน้ากระดาษที่มัวแต่กล่าวถึงอนาคต
โลกความเป็นจริง ตลาดการเงิน และความ ‘ยั่งยืน’
นอกจากนักลงทุนในตลาดการเงินแล้ว ปัจจัยด้าน ESG เป็นประเด็นที่หน่วยงานภาครัฐหลายประเทศเริ่มตระหนักและพิจารณามากขึ้น Barclays Investmentbank เชื่อว่ากฎเกณฑ์กำกับดูแลที่เพิ่มขึ้นจะมีอิทธิพลต่อ ESG ในตลาดการลงทุน โดยในสหราชอาณาจักรกำหนดให้กองทุนบำนาญต้องมีนโยบายด้าน ESG ด้วย ด้านตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงกำหนดให้บริษัทต้องรายงานกิจกรรมที่บริษัทดำเนินการเพื่อพัฒนาด้านความยั่งยืนของบริษัท ขณะที่สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปกำลังพัฒนากฎเกณฑ์ด้าน ESG
รูปที่ 3 กฎเกณฑ์ด้าน ESG ในแต่ละประเทศที่สำคัญของโลก I Source : Barclays as of 4/11/2020
ปัญหาด้านภูมิอากาศส่งให้ปัจจัยด้าน Environment กลายเป็นส่วนหนี่งของผลประกอบการบริษัทแล้ว ที่เด่นชัดที่สุดหนีไม่พ้นรายได้ส่วนของ Carbon credit ที่ Tesla ได้รับจากรัฐบาลเติบโตขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกับมาตรการกระตุ้นของสหภาพยุโรปอันเป็นส่วนหนึ่งของ EU Green Deal ที่กล่าวถึงข้างต้น ให้นักลงทุนเพิ่มสัดส่วนเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
ส่วนประเด็นเรื่อง Social ที่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การบริจาคหรือทำกิจกรรมเพื่อชุมชนหรือสังคม แต่ยังครอบคลุมไปถึงสวัสดิการและสิ่งแวดล้อมในการทำงานของลูกจ้าง มาตรฐานของผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างความพึงพอใจให้ผู้บริโภค แน่นอนว่าหากได้คนเก่งเข้าทำงานพร้อมด้วยผลิตภัณฑ์ที่ดี ย่อมส่งผลให้รายได้ของบริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน
กระแสการลงทุนกับความ ‘ยั่งยืน’
รูปที่ 4 ปริมาณเงินลงทุนในสินทรัพย์การเงิน ESG I Source : Credit-suisse as of 4/11/2020
Credit-suisse เปิดเผยว่าขนาดเงินลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ ESG เพิ่มขึ้นจาก 23 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2016 ไปที่ 31 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2018 และคาดว่าปี 2020 จำนวนเงินดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นไปที่ 40 ล้านล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่สัดส่วนเงินลงทุนจะมุ่งไปยังสหรัฐฯ และยุโรป
ย้อนเวลากลับไปราว 60 ปีที่แล้ว ประชากรกลุ่ม Baby Boomer เติบโตขึ้นไปพร้อมเศรษฐกิจที่ขยายตัวสร้างความมั่งคั่งปริมาณมหาศาล และเงินในส่วนนั้นก็กำลังส่งต่อให้ประชากรรุ่นใหม่อย่าง Millennials ซึ่งหลายบทความเกี่ยวกับ ESG ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่าประชากรกลุ่ม Millennials ให้ความสำคัญกับการลงทุนใน ESG โดยให้น้ำหนักต่อองค์ประกอบด้าน Social มากที่สุด ส่วนประชากร Baby boomers เผยเหตุผลที่ให้ความสนใจการลงทุนใน ESG เพราะต้องการส่งเสริมให้บริษัทมีธรรมภิบาลที่ดีขึ้น
และ…ทุกช่วงอายุเห็นพ้องต้องกันว่าเมื่อต้องเจรจาด้านธุรกิจ ปัจจัยด้าน Social และ Governance เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจว่าจะทำธุรกิจด้วยหรือไม่
รูปที่ 5 ผลสำรวจผลิตภัณฑ์การเงินที่ผู้แนะนำการลงทุนนิยมแนะนำให้ลูกค้า I Source : Janushenderson as of 4/11/2020
Janus Henderson เปิดเผยผลสำรวจผู้แนะนำการลงทุนว่า (Investment Advisor) จะแนะนำผลิตภัณฑ์การลงทุนอะไรให้ลูกค้า ในบทความ 2020 Trends in Investing Survey พบว่ากองทุน ESG ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจาก 26% เมื่อปี 2018 มาที่ 38% ในปี 2020 สะท้อนกระแสการลงทุนในสินทรัพย์เกี่ยวกับ ESG ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ธีม ESG ลงทุนได้เลยหรือไม่?
“ESG คือ ธีมการลงทุนที่ทยอยสะสมระยะยาวได้เหมือนกับ Long Term Call และสามารถทำการ DCA ได้เรื่อย ๆ” – FINNOMENA Investment Team
ธีมการลงทุนแบบ ESG คือหนึ่งในธีมการลงทุนที่ทาง FINNOMENA Investment Team ได้ให้มุมมองว่าสามารถลงทุนในระยะยาวและสามารถทำการ DCA ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสตอรี่ประกอบการลงทุนในธีมดังกล่าวล่าสุดมี ดังนี้
แนวโน้มพลังงานหมุนเวียน (Sustainable Energy) กำลังเพิ่มสูงขึ้น พร้อมกันกับประโยชน์ที่ชัดเจนมากขึ้น
- การลดภาวะเรือนกระจกกลายเป็นประเด็นหลักในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดยทาง J.P. Morgan ได้คาดการณ์ว่า 3 ภูมิภาคยักษ์ใหญ่อย่าง จีน สหรัฐฯและยุโรป จะเริ่มชะลอการปล่อยก๊าสเรือนกระจกในอีก 10 ปี และจะลดปริมาณลงต่อเนื่องแบบก้าวกระโดดในช่วงปี 2030-2060
รูปที่ 6 คาดการณ์ปริมาณการปล่อยก๊าสเรือนกระจกของจีน สหรัฐฯและยุโรป I Source : J.P. Morgan Asset Management as of 21/10/2021
รูปที่ 7 คาดการณ์ปริมาณการใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาด I Source : J.P. Morgan Asset Management as of 21/10/2021
- แนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้การใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่พลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์มีต้นทุนในการผลิตลดลงต่อเนื่อง ซึ่งอาจช่วยให้ผู้ประกอบการให้มาใช้พลังงานทางเลือกซึ่งมีต้นทุนที่ถูกลง
รูปที่ 8 ภาพแสดงต้นทุนการผลิตพลังงานสะอาดที่ลดลงอย่างก้าวกระโดด I Source : BlackRock as of 27/11/2021
ธีมการลงทุนแบบ ESG แฝงอยู่ในบริษัทชั้นนำทั่วโลก
รูปที่ 9 บริษัทเทคโนโลยีและการบริโภคชั้นนำพร้อมใจตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าสเรือนกระจก I Source : Bloomberg as of 21/10/2021
- บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกไม่ว่าจะเป็น Apple, Microsoft หรือ Facebook รวมถึงบริษัทชื่อดังยักษ์ใหญ่อย่าง Burger King, Pepsi หรือ Ikea ต่างพร้อมใจกันตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าสเรือนกระจกกันถ้วนหน้า สะท้อนให้เห็นถึงโมเมนตัมเงินลงทุนที่อาจเข้ามาได้ในอนาคต
รูปที่ 10 อุปกรณ์ของ Apple หันมาใช้เป็นวัสดุรีไซเคิล I Source : Apple as of 27/11/2021
“Apple หันมาใช้วัสดุรีไซเคิลรวมถึงบรรจุภัณฑ์จากกระดาษ”
รูปที่ 11 ภาพแสดงนโยบายและผลประโยชน์พนักงานของ Apple I Source : Apple as of 27/11/2021
“รวมถึงให้ความสำคัญกับพนักงานในองค์กร”
รูปที่ 12 ภาพแสดงการปรับมาใช้พลังงานหมุนเวียนของ Google I Source : Google as of 27/11/2021
“และสุดท้าย Google (Alphabet) ได้หันมาซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทั้งหมด 100%”
ปัจจัยหนุนด้านเม็ดเงินลงทุน (Fund Flow)
- เม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนกำลังไหลเข้าธีม ESG อย่างชัดเจน นับตั้งแต่หลังช่วง COVID-19 อีกทั้งยังการคาดการณ์จาก Bloomberg ยังระบุด้วยว่าเม็ดเงินดังกล่าวมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องถึงปีละ 15% ซึ่งปัจจัยนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันผลตอบแทนการลงทุนแบบ ESG
รูปที่ 13 ภาพแสดงการเติบโตของเม็ดเงินลงทุนในธีม ESG I Source : Bloomberg as of 21/10/2021
FINNOMENA กับการลงทุนอย่าง ‘ยั่งยืน’
รูปที่ 14 ภาพแสดงสัดส่วนการลงทุนแนะนำธีม ESG จาก FINNOMENA I Source : FINNOMENA Investemnt Team
การลงทุนในธุรกิจที่ผ่านเงื่อนไข ESG ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เมื่อ FINNOMENA รวบรวมกองทุนรวมในชุด ESG หรือ Combo ESG ไว้ให้แล้ว โดยเงินลงทุนในสินทรัพย์ประเภทดังกล่าวควรอยู่ที่ระดับ 10-15% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด นักลงทุนที่สนใจลงทุนสามารถเลือกลงทุนแยกในแต่ละกองทุน หรือลงทุนทั้ง 4 กองทุนก็ได้ ทาง FINNOMENA Investment Team แนะนำสัดส่วนกองทุนละ 20% เพื่อความสมดุล
กองทุนแนะนำโดย FINNOMENA
MRENEW
กองทุนหลัก : BGF Sustainable Energy Fund share class I2 USD (ลงทุนในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV)
ลงทุนในบริษัทพลังงานทางเลือกและเทคโนโลยีพลังงานซึ่งรวมถึงพลังงานทดแทน ที่มีการเติบโต
ต่อเนื่องทั่วโลก ในกลุ่มพลังงานทางเลือก เทคโนโลยีเกี่ยวกับพลังงาน เช่น เทคโนโลยีพลังงานทดแทน เชื้อเพลิงทางเลือก เป็นต้น โดยกองทุนจะไม่ลงทุนในอุตสาหกรรมอย่าง ถ่านหินที่และพลังงานที่ใช้แล้วหมดไป กลุ่มสำรวจจัดหาน้ำมันและก๊าส และธุรกิจที่เกี่ยวกับน้ำมันและก๊าส กองทุนลงทุนในหุ้นพลังงานทดแทนทั่วโลกอย่างน้อย 70% ของทรัพย์สินทั้งหมด
สัดส่วนการลงทุนหลัก
รูปที่ 15 สัดส่วนหุ้นหลักกองทุน BGF Sustainable Energy Fund I2 USD ที่มา: BlackRock Fund Factsheet วันที่: 31 ตุลาคม 2021
รีวิวหุ้นหลัก
NEXTERA ENERGY INC (สัดส่วน 4.47%)
บริษัท ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากลมและแสงอาทิตย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐรายได้จากการดำเนินงานต่อเนื่อง
ENEL SPA (สัดส่วน 4.43%)
บริษัท พลังงานทางเลือกรกรากในยุโรป (อิตาลี) มีธุรกิจทั้งในยุโรปและประเทศอื่น ๆ กว่าอีก 30 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่มีอิทธิพลหลักอย่างสหรัฐ ไปจนถึง แถบแอฟริกา เอเชีย และโอเชียเนีย โดยเป็นแหล่งพลังงานให้กับธุรกิจและครัวเรือนกว่า 74 ล้านแห่ง ชี้ให้เห็นถึงความยั่งยืนของธุรกิจ และตัวบริษัทเองที่ผ่านมายังมีกำไรต่อหุ้นที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
INFINEON TECHNOLOGIES AG (สัดส่วน 3.91%)
บริษัท ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์สัญชาติเยอรมันบริษัท spinoff จาก Seimens AG บริษัทด้านอุตสาหกรรมการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมัน นอกจากนั้น Infineon ยังเป็นบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่มีขนาดใหญ่เป็น 15 อันดับแรกของโลก
ผลตอบแทนย้อนหลัง
รูปที่ 16 ผลตอบแทนย้อนหลังกองทุน BGF Sustainable Energy Fund I2 USD (เส้นสีแดง) เทียบกับผลตอบแทนของ Sector Equity Alternative Energy (เส้นสีส้ม) และผลตอบแทนดัชนี S&P Global Clean Energy TR USD(เส้นสีเขียว) ที่มา: morningstar.com วันที่: 31 ตุลาคม 2021
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ทำผลตอบแทนได้โดดเด่นเหนือผลตอบแทนดัชนีอุตสาหกรรมพลังงานทางเลือก รวมถึงดัชนีพลังงานทางเลือกทั่วโลกอย่าง S&P Global Clean Energy TR USD สะท้อนให้เห็นว่ากองทุน MRENEW สร้างผลตอบแทนได้เหนือชั้น และโดดเด่นกว่ากลุ่มหุ้นในหมวดเดียวกัน
ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
ค่าธรรมเนียมขายหน่วยลงทุน (Front-end Fee) 1.50%
ค่าธรรมเนียมซื้อหน่วยลงทุน (Back-end Fee) ไม่มี
ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนเข้า ไม่มี
ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนออก ไม่มี
ค่าธรรมเนียมรวมรายปี 2.0611%
*รายละเอียดค่าธรรมเนียมจาก MRENEW-A Fund Fact Sheet ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2021
K-CHANGE-A(A)
กองทุนหลัก : Baillie Gifford Positive Change Fund – Class B aacumulation (GBP) (ลงทุนในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV)
ลงทุนในหุ้นบริษัททั่วโลกที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือมีพฤติกรรมที่ส่งผลกระทบ เชิงบวกต่อสังคมโดยรวม เช่น การศึกษา ความเท่าเทียมทางสังคม คุณภาพของระบบการดูแลสุขภาพ เป็นต้น กองทุนมีจุดมุ่งหมายในการสร้างผลตอบแทนเหนือดัชนีชี้วัด MSCI AC World Index (ดัชนีหุ้นโลก) ในรูปแบบสกุลเงินปอนด์ อย่างน้อย 2% ต่อปีในช่วง 5 ปี มุ่งเน้นในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกและสร้างความยั่งยืนให้กับโลก
สัดส่วนการลงทุนหลัก
รูปที่ 17 สัดส่วนหุ้นหลักกองทุน Baillie Gifford Positive Change Fund – Class B aacumulation (GBP) ที่มา: Baillie Gifford Fund Factsheet วันที่: 31 ตุลาคม 2021
รีวิวหุ้นหลัก
ASML (สัดส่วน 8.20%)
ผู้ผลิตเครื่องที่ใช้ประกอบการผลิตแผงวงจรที่ซับซ้อนให้กับบริษัทชั้นนำของโลก เช่น Samsung และ TSMC
Moderna (สัดส่วน 7.80%)
บริษัท ผลิตยาชื่อดังในสหรัฐ หนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาวัคซีนโควิด-19 เน้นพัฒนายาและวัคซีนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นยาสำหรับรักษาการติดเชื้อ วัคซีนต้านมะเร็ง รวมไปถึงยาแก้ปัญหาโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด และโรคทางพันธุกรรมที่รักษาได้ยาก
TESLA Inc (สัดส่วน 7.30%)
บริษัท ผู้พัฒนารถยนต์และแบตเตอรี่ไฟฟ้าชื่อดัง ผู้สร้างปรากฎการณ์เปลี่ยนโลกในอุตสาหกรรมยานยนต์ มีผู้บริหารระดับต้น ๆ ของโลกอย่าง Elon Musk หัวล้ำสมัย ที่เคยขึ้นทำเนียบบุคคลที่รวยที่สุดในโลก
ผลตอบแทนย้อนหลัง
รูปที่ 18 ผลตอบแทนย้อนหลังกองทุน Baillie Gifford Positive Change Fund ที่มา: Bailliegifford Fund Factsheet วันที่: 31 ตุลาคม 2021
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
สร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นเหนือดัชนีชี้วัดอย่างดัชนีหุ้นโลก ในระดับสูง
ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
ค่าธรรมเนียมขายหน่วยลงทุน (Front-end Fee) 1.50%
ค่าธรรมเนียมซื้อหน่วยลงทุน (Back-end Fee) ยกเว้น
ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนเข้า ขึ้นอยู่กับค่าธรรมเนียมรับซื้อหรือขายหน่วยลงทุนของกองทุนต้นทางแล้วแต่ว่าอัตราใดจะสูงกว่า
ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนออก ขึ้นอยู่กับค่าธรรมเนียมรับซื้อหรือขายหน่วยลงทุนของกองทุนต้นทางแล้วแต่ว่าอัตราใดจะสูงกว่า
ค่าธรรมเนียมรวมรายปี 1.3736%
*รายละเอียดค่าธรรมเนียมจาก K-CHANGE-A(A) Fund Fact Sheet ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2021
WE-GSECURE
กองทุนหลัก : CS (Lux) Security Equity Fund Class IB ในสกุลเงินดอลลาร์ (ลงทุนในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV)
ลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การดูแลสุขภาพ และอุตสาหกรรมและบริการในด้านความปลอดภัยของสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยด้านไอที เป็นต้น เน้นสร้างผลตอบแทนให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในรูปแบบสกุลเงินดอลลาร์ โดยควบคุมในเรื่องการกระจายความเสี่ยง ความปลอดภัยของเงินทุนที่ลงทุน และสภาพคล่องของสินทรัพย์ที่ลงทุน
สัดส่วนการลงทุนหลัก
รูปที่ 19 สัดส่วนหุ้นหลักกองทุน CS (Lux) Security Equity Fund Class IB USD ในสกุลเงินดอลลาร์ ที่มา: WE-GSECURE Fund Factsheet วันที่: 31 ตุลาคม 2021
Thermo Fisher Scientific (สัดส่วน 3.48%)
บริษัท ผู้พัฒนา ผลิตและขาย เครื่องมือไปจนถึงของที่ใช้ในทางชีววิทยาและการแพทย์ อีกทั้งยังมีการวิจัยในส่วนของยาและวัคซีน ไปจนถึงผลิตผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการทำแลปวิจัยต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญในการสร้างเทคโนโลยีการแพทย์ใหม่ ๆ ในอนาคต
Fortinet (สัดส่วน 3.19%)
บริษัทผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ต่าง ๆ เช่น Firewall โปรแกรมสแกนไวรัส และโปรแกรมป้องกันภัยคุกคามจากมัลแวร์ ซึ่งมีความสำคัญกับโลกในทุกวันนี้ที่ถูกขับเคลื่อนโดยอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก
Zscaler (สัดส่วน 3.19%)
ผู้ให้บริการระบบความปลอดภัยทางข้อมูลผ่านระบบ Cloud ซึ่งมีข้อดีคือผู้ให้บริการสามารถอัปเดตและช่วยดูแลให้ได่อย่างต่อเนื่องจากทั่วทุกมุมโลก
ผลตอบแทนย้อนหลัง
รูปที่ 20 ผลตอบแทนย้อนหลังกองทุน CS (Lux) Security Equity Fund Class IB USD ที่มา: WE-GSECURE Fund Factsheet วันที่: 31 ตุลาคม 2021
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ผลตอบแทนย้อนหลังโดดเด่นเหนือดัชนีชี้วัดอย่างดัชนี MSCI World ESG Leaders อย่างเห็นได้ชัดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงการคัดสรรหุ้นที่ยอดเยี่ยมสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นเหนือดัชนีหุ้นที่มีหมวดหมู่เดียวกัน
ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
ค่าธรรมเนียมขายหน่วยลงทุน (Front-end Fee) 1.605%
ค่าธรรมเนียมซื้อหน่วยลงทุน (Back-end Fee) ยกเว้นการเรียกเก็บ
ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนเข้า 1.605%
ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนออก ยกเว้นการเรียกเก็บ
ค่าธรรมเนียมรวมรายปี 2.1181%
*รายละเอียดค่าธรรมเนียมจาก WE-GSECURE Fund Fact Sheet ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2021
UESG
กองทุนหลัก : Robeco Sustainable Global Stars Equities IL EUR (ลงทุนในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV)
ลงทุนในบริษัททั่วโลกที่ธุรกิจมีการเติบโตของรายได้ต่อเนื่อง และผ่านเงื่อนไข ESG Score ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริโภคพลังงาน การใช้น้ำ และการกำจัดของเสียต่าง ๆ ลงทุนหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก เน้นการคัดเลือกผ่านปัจจัยพื้นฐาน มีจุดมุ่งหมายสร้างผลตอบแทนให้เหนือกว่าดัชนีชี้วัด จัดพอร์ตการลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพเติบโตสูงสุดโดยเลือกผ่านกระแสเงินสดในระดับสูง ผลตอบแทนที่น่าดึงดูด และมีโครงสร้างที่ดีในเรื่องความยั่งยืน
สัดส่วนการลงทุนหลัก
รูปที่ 21 สัดส่วนหุ้นหลักกองทุน Robeco Sustainable Global Stars Equities IL EUR ที่มา: Robeco Fund Factsheet วันที่: 31 ตุลาคม 2021
Microsoft Corp (สัดส่วน 8.02%)
บริษัท เทคโนโลยีชื่อดังเติบโตได้โดดเด่นท่ามกลางวิกฤติ มีซอฟต์แวร์ชื่อดังที่ใช้กันทั่วโลกอย่าง Microsoft Office หรือจะเป็นระบบ Cloud เก็บข้อมูลที่เข้ามามีส่วนเป็นอย่างมากในโลกของการจัดเก็บข้อมูลยุคหลัง อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตได้สูงในอนาคต
Alphabet Inc (Class A) (สัดส่วน 5.52%)
บริษัท ผู้ผลิต Search Engine ที่ช่วยเปิดกว้างโลกของความรู้สร้างโอกาสให้ผู้คนมากมายทั่วโลก โดย Search Engine อย่าง Google กลายเป็นคำพูดติดปากสำหรับใครก็ตามที่ต้องการหาความรู้หรือคำตอบในทุกสิ่ง
Bank of America Corp (สัดส่วน 5.27%)
1 ใน 5 อันดับธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ให้บริการฝากเงินตั้งฝากเงิน บัตรเครดิต ปล่อยกู้ สินเชื่อต่าง ๆ รวมถึงบริการด้านการลงทุน หรือสรุปได้ว่าให้บริการทางการเงินแบบครบวงจรตอบโจทย์โลกทุนนิยม
ผลตอบแทนย้อนหลัง
รูปที่ 22 ผลตอบแทนย้อนหลังกองทุน Robeco Sustainable Global Stars Equities IL EUR ที่มา: Robeco Fund Factsheet วันที่: 31 ตุลาคม 2021
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
เป็นอีกหนึ่งกองทุนที่สร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่นเช่นเดียวกัน โดยสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้สูงกว่าดัชนีชี้วัดอย่างดัชนี MSCI World Index (Net Return, EUR) หรือดัชนีหุ้นโลก
ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
ค่าธรรมเนียมขายหน่วยลงทุน (Front-end Fee) 1.50%
ค่าธรรมเนียมซื้อหน่วยลงทุน (Back-end Fee) ยกเว้น
ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนเข้า 1.50% (บริษัทจัดการไม่คิดค่าธรรมเนียมเมื่อขาย)
ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนออก ยกเว้น
ค่าธรรมเนียมรวมรายปี 1.8511%
*รายละเอียดค่าธรรมเนียมจาก UESG Fund Factsheet ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2021
P-CGREEN
กองทุนหลัก : KraneShares MSCI China Clean Technology Index ETF ในสกุลเงินดอลลาร์ (ลงทุนในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV)
ลงทุนในบริษัทในประเทศจีนที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ เทคโนโลยีสะอาดที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 5 กลุ่มธุรกิจ คือ กลุ่มพลังงานทางเลือก (Alternative Energy), การพัฒนาและการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน (Sustainable Water), การออกแบบอาคารที่คำนึงสิ่งแวดล้อม (Green Building), การป้องกันมลพิษ (Pollution Prevention) และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency)
สัดส่วนการลงทุนหลัก
รูปที่ 23 สัดส่วนหุ้นหลักกองทุน KraneShares MSCI China Clean Technology Index ETF ที่มา: KraneShares Fund Factsheet วันที่: 31 ตุลาคม 2021
XPENG INC – ADR (สัดส่วน 9.92%)
บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนเริ่มและจบงานด้วยตัวเอง นับตั้งแต่การดีไซน์ พัฒนา การผลิตรวมถึงขายและจำหน่าย มีรถรูปแบบ SUV รวมถึง 4 ประตู เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าฐานะปานกลางถึงสูงในจีน
LI AUTO – ADR (Class A) (สัดส่วน 9.53%)
บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าที่เริ่มต้นและจบงานด้วยตัวเองเช่นเดียวกันแต่มีการให้บริการในส่วนอื่น ๆ เช่น สถานีชาร์จ การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบนพาหนะและอื่น ๆ
NIO INC – ADR (สัดส่วน 8.69%)
อีกหนึ่งบริษัทที่เริ่มต้นและจบงานด้วยตนเอง แต่มีความโดดเด่นเพิ่มเติมอย่างรถยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมระบบไร้คนขับพร้อมรถ SUV แบบ 7 ที่นั่งที่สามรถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ภายใน 4.4 วินาที
ผลตอบแทนย้อนหลัง
รูปที่ 24 ผลตอบแทนย้อนหลังกองทุน KraneShares MSCI China Clean Technology Index ETF ที่มา: KraneShares Fund Factsheet วันที่: 31 ตุลาคม 2021
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ทำผลตอบแทนล้อไปกับดัชนีชี้วัดได้เป็นอย่างดีสมกับเป็นกองทุนแนว Passive
ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
ค่าธรรมเนียมขายหน่วยลงทุน (Front-end Fee) 1.50%
ค่าธรรมเนียมซื้อหน่วยลงทุน (Back-end Fee) ยกเว้น
ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนเข้า 1.50%
ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนออก ยกเว้น
ค่าธรรมเนียมการจัดการรายปี 1.6050%
*รายละเอียดค่าธรรมเนียมจาก P-CGREEN Fund Factsheet ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2021
ที่มาและแหล่งข้อมูลอ้างอิง
http://www.morningstar.is/is/funds/snapshot/snapshot.aspx?id=F00000JP5W&tab=1
https://www.robeco.com/doca/CGFGLSTAR_IL-fact-202102-profgloben.pdf
https://cdn.janushenderson.com/webdocs/2020+Trends+In+Investing+Report.pdf
FINNOMENA Investment Team
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299