มุมมองตลาดปัจจุบัน
ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดยืนยันว่า เศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังจากที่หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ ถึงแม้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ยูโรโซน และจีน ต่างบ่งชี้ว่ากิจกรรมในภาคการผลิตกลับมาขยายตัวจากแรงหนุนของคำสั่งซื้อใหม่ ในขณะที่คำสั่งซื้อใหม่เพื่อการส่งออกยังคงหดตัว เป็นสัญญาณว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลายประเทศเป็นผลจากการบริโภคภายในประเทศ สอดคล้องกับยอดค้าปลีกที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากภาคการส่งออกยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19
การที่เศรษฐกิจของหลายประเทศมีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและกำลังทยอยฟื้นตัว กอปรกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของหลายประเทศอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ และหลายประเทศมีแนวโน้มใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี ความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนทั้งในแง่ความสัมพันธ์ทางการฑูตและการค้า และความล่าช้าของมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจฉบับใหม่ของสหรัฐ ยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกในเดือนที่ผ่านมา
ในส่วนของตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนกรกฎาคม บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่องหลังรัฐบาลทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ โดยตัวเลขภาคการผลิต และการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าในเกือบทุกหมวด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ จำนวนวันหยุดที่มีมากกว่าปกติเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว และการจัดงานมอเตอร์โชว์ซึ่งปกติจะจัดในเดือนมีนาคม โดยธนาคารแห่งประเทศไทยมองว่าเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง ในขณะที่เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณดีขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยมองว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังจากหดตัวมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 2/63 และมีโอกาสที่ทางธนาคารจะปรับคาดการณ์ตัวเลขจีดีพีปีนี้เป็นติดลบน้อยลง
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงมีความเสี่ยงขาขึ้นจากหลายปัจจัย ได้แก่ ข่าวความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 การทยอยปลดล็อคมาตรการล็อคดาวน์ที่มีอย่างต่อเนื่อง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ การฟื้นตัวของราคาน้ำมัน การฟื้นตัวของตัวเลขเศรษฐกิจ เป็นต้น ในขณะที่ความเสี่ยงขาลง ได้แก่ การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสวิด-19 ซึ่งส่งผลให้บางประเทศต้องกลับมาใช้มาตรการล็อคดาวน์ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีนทั้งทางการค้าและการเมือง การดำเนินนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐซึ่งอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งกับประเทศอื่น ๆ แต่ส่งผลบวกต่อคะแนนเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นต้น
การที่ความเสี่ยงขาขึ้นมีมากกว่า และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นมากกว่าความเสี่ยงขาลง การลงทุนในหุ้นจึงยังคงมีความน่าสนใจ โดยดูเหมือนว่านักลงทุนได้มองไปถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้และปีหน้า ท่ามกลางนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเป็นพิเศษ ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกไม่ได้หดตัวรุนแรงอย่างที่หลายฝ่ายคาดไว้ ในขณะที่ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/63 ของไทยก็ออกมาดีกว่าที่คาด เนื่องจากรัฐบาลทยอยปลดล็อค และประชาชนเริ่มออกมาใช้จ่ายมากขึ้น
ในส่วนของตราสารหนี้ ผู้จัดการกองทุนยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว เนื่องจากภาวะดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำทั่วโลก และทิศทางการดำเนินนโนบายของธนาคารกลางที่ยังคงเอื้อต่อการลงทุน โดยในช่วงที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้พุ่งขึ้นแรง จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน
ในภาพรวม ทีมผู้จัดการกองทุนยังคงให้น้ำหนักการลงทุนส่วนใหญ่ในสินทรัพย์เสี่ยง ที่มีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีมากขึ้น ในขณะที่โอกาสในการรับผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ดี คาดว่าความผันผวนในตลาดอาจยังคงมีอยู่
กองทุนแนะนำสำหรับการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์/ภูมิภาค
กองทุนตราสารหนี้ในประเทศ
KFAFIX-A:
- ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาการลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลางได้รับประโยชน์บางส่วนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ ในขณะที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทน (Corporate Spread) ของหุ้นกู้เอกชนเริ่มทรงตัว
- สำหรับแนวโน้มในช่วงหนึ่งเดือนข้างหน้าคาดว่าส่วนต่างอัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้เอกชนบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีคุณภาพเครดิตสูงจะเริ่มปรับลดลงได้เล็กน้อย ภายหลังจากสภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้ปรับตัวดีขึ้นทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง จึงทำให้คาดการณ์ผลตอบแทนจากการลงทุน ของกองทุนกลุ่มนี้มีความน่าสนใจโดยเฉพาะสำหรับเงินลงทุนระยะยาวที่ไม่ต้องการสภาพคล่องในระยะสั้น โดย กองทุน KFAFIX-A (ขั้นตํ่า 1 ปี ขึ้นไป) ปัจจุบันกรอบ Duration เฉลี่ยของกองทุน KFAFIX-A = 2 – 3 ปี
กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ
KF-SINCOME/ KF-CSINCOM:
- กองทุนยังคงเห็นโอกาสการลงทุนบนตราสารหนี้ภาคเอกชนระดับลงทุนได้ตราสารหนี้ High Yield และ Agency MBS โดยจะเน้นตราสารหนี้ที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันที่เป็นที่ต้องการสูง ได้รับการชำระหนี้คืนก่อนตราสารด้อยสิทธิ และกลุ่มธุรกิจที่มีการกำกับดูแลดี เช่นภาคธนาคาร โดยจะหลีกเลี่ยงกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและสินค้าฟุ่มเฟือย
กองทุนตราสารทุนในประเทศ
KFENS50-A:
- กองทุนเน้นการลงทุนในตราสารทุนของบริษัทจดทะเบียนที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET 50
กองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ
Developed market equity
KFGBRAND-A / KFGBRAND-D:
- กองทุนลงทุนหุ้นที่มีคุณภาพสูง เน้นหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วโลกที่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง เติบโตสม่ำเสมอในระยะยาว ทนทานในทุกวัฏจักรเศรษฐกิจ ทำให้กองทุนมี Downside ที่น้อยกว่าตลาดหุ้นโลก เมื่อตลาดปรับตัวลดลง
KF-HUSINDX:
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นของ FED ที่เพิ่มสภาพคล่องให้ตลาด อย่างไรก็ตาม ตลาดสหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงจากความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในประเด็นเรื่องฮ่องกงและสงครามการค้า โดยจีนยกเลิกการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ขณะที่สหรัฐฯ เองก็สั่งห้ามการค้าขายกับ Huawei และอาจห้ามบริษัทจีนมาจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งนี้ ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะยังคงอยู่จนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปลายปีนี้
- กองทุนหลักเน้นลงทุนใน iShares Core S&P500 ETF ซึ่งจะมีผลการดำเนินงานที่ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนี โดยคาดการณ์การเติบโตยังคงมีอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับนโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐ เช่น การปฎิรูปภาษี การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น
KF-EUROPE/ KF-HEUROPE:
- ตลาดยุโรปปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยได้รับแรงส่งหลังจากผู้นำ EU สามารถตกลงอนุมัติงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 5 แสนล้านยูโรได้สำเร็จ โดยจะเป็นการออกพันธบัตรร่วมกัน โดยภาพเศรษฐกิจของยุโรปทยอยปรับตัวดีขึ้น หลังการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown แต่ยังต้องระวังการระบาดรอบ 2 ที่เริ่มเห็นในบางพื้นที่ในยุโรป เช่น สเปน เป็นต้น
Emerging market equity
KFACHINA-A:
- จีนยังคงทยอยผ่อนคลายนโยบาย Lockdown หลังสามารถควบคุมการระบาดรอบ 2 ได้รวดเร็ว โดยตัวเลขเศรษฐกิจชี้ให้เห็นถึงการฟื้นตัวต่อเนื่องทั้งในภาคการผลิตและการบริการ นอกจากนี้ทางธนาคารกลางจีนเองยังได้ลดดอกเบี้ยกู้ยืมระยะสั้นลง อย่างไรก็ตาม ตลาดจีนอาจมีความผันผวนจากความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในประเด็นเรื่องฮ่องกง การค้า และเทคโนโลยี โดยคาดว่าตลาดในประเทศอย่าง A-Shares จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า
Multi-Asset
KFAINCOM-A / KFAINCOM-R:
- ในช่วงที่ภาวะตลาดทุนมีแนวโน้มผันผวน การลงทุนแบบ Multi-Asset Income Fund กระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั้ง หุ้น ตราสารหนี้และสินทรัพย์ทางเลือกที่ให้ Yield ที่ดี จะช่วยลดความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดปรับตัวผันผวนขณะที่ยังคงได้รับผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจ
Krungsri Asset Management
สำหรับลูกค้าที่ลงทุนใน Krungsri The Masterpiece สามารถดูพอร์ตการลงทุนได้ตามช่องทางนี้
ผ่านมือถือ/Tablet >> แอปฯ FINNOMENA
ผ่านคอมพิวเตอร์ >> เว็บไซต์ FINNOMENAสำหรับลูกค้าที่สนใจลงทุนใน Krungsri The Masterpiece คลิกที่นี่เพื่อสร้างแผนการลงทุน
หมายเหตุ:
- กองทุน KFGBRAND-A, KFGBRAND-D, KF-EUROPE, KFACHINA-A ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- กองทุน KF-SINCOME, KF-CSINCOM, KFAINCOM-A, KFAINCOM-R, KF-HUSINDX, และ KF-HEUROPE ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
คำเตือน ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต กองทุนที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน อาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ กองทุนที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน อาจมีต้นทุนสำหรับการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว โดยทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น กองทุนอาจลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (non-investment grade) หรือไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (unrated bond) ผู้ลงทุนจึงอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากการไม่ได้รับชำระคืนเงินต้น และดอกเบี้ย เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูลแต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด โทร 0 2657 5757