นับจากวันที่ผู้คนได้ทำความรู้จักกับเทคโนโลยี Blockchain มาจนถึงปัจจุบันนี้ บอกได้เลยว่าเกิดการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอะไรไปมากมายในหลายอุตสาหกรรม แม้ในช่วงต้นผู้คนจะมองแค่ว่าเทคโนโลยี Blockchain และ Bitcoin จะเข้ามากระทบแค่ภาคอุตสาหกรรมการเงินเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม Ethereum ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นและมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่สามารถเปลี่ยนโลกได้นั่นก็คือ Smart Contracts หรือแปลตรงตัวว่าสัญญาอัจฉริยะ
แต่แม้ว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะดูน่าสนใจมากแค่ไหน ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นก็คือ ความรวดเร็วในการประมวลผลของธุรกรรมของสินทรัพย์ดิจิทัลยังช้ากว่าหากเทียบกับการประมวลผลของเทคโนโลยีที่เอกชนใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
Bitcoin สามารถประมวลผลธุรกรรม 3 – 4 ธุรกรรมต่อหนึ่งวินาที
Ethereum สามารถประมวลผลธุรกรรม 15 – 17 ธุรกรรมต่อหนึ่งวินาที
VISA สามารถประมวลผลธุรกรรม 1667 ธุรกรรมต่อหนึ่งวินาที
และเรื่องความเร็วในการประมวลผลธุรกรรมนี่คือปัญหาระดับชาติเลยถ้าหากว่าสินทรัพย์ดิจิทัลต้องการการยอมรับและการใช้งานอย่างแพร่หลายในวงกว้าง EOS จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อที่จะมาแก้ไขปัญหาระดับชาตินี้แล้วทำให้ผู้คนหันมาใช้เทคโนโลยี Blockchain กับงานหรือธุรกิจของตนเองมากยิ่งขึ้นครับ
EOS คืออะไร
EOS เป็นหนึ่งในโครงการการระดมทุนที่ยอดเยี่ยมผ่าน ICO ที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2017 และระดมทุนเรียบร้อยในวันที่ 1 มิถุนายน 2018 ซึ่งใช้ระยะเวลากว่าหนึ่งปี และได้รับเงินระดมทุนไปกว่า 1,000 ล้าน USD ถือว่าเป็นหนึ่งใน ICO ที่ระดมทุนนานที่สุด และประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ EOS ถูกขนานนามว่าเป็นเหรียญที่ออกมาเพื่อฆ่า Ethereum โดยแท้ เนื่องจากมีคุณสมบัติทั้งหมดที่ Ethereum มีแต่ดันเหนือกว่ามากในเรื่องความเร็วในการประมวลผล EOS บอกว่าสามารถประมวลธุรกรรมได้ถึง 1 ล้านธุรกรรมต่อหนึ่งวินาที ! หากเรื่องนี้เป็นความจริง ไม่ใช่แค่ Ethereum แล้วที่ต้องหนาว ๆ ร้อน ๆ แต่ระบบการประมวลผลจาก Centralised ทั้งหลายก็สู้ไม่ได้เหมือนกันครับ
ด้วยความเร็วที่สูงเช่นนี้ของ EOS จึงได้เพิ่มการพัฒนา DApps ซึ่งย่อมาจาก Decentralized แอปพลิเคชัน เนื่องจาก EOS มีคุณสมบัติทั้งหมดที่ Ethereum blockchain นำเสนอทุกอย่างตั้งแต่ Smart Contracts ไปจนถึง DApps
โครงการอื่น ๆ เช่น BitShares และ Graphene ที่ให้ความเร็วการทำธุรกรรมที่สูงมาก อย่างไรก็ตามพวกเขายังขาดคุณสมบัติของ Smart Contracts ที่มีใน Ethereum blockchain แต่ EOS นั้นเปรียบเหมือนกับการรวมสิ่งที่ดีที่สุดของทั้ง BitShares และ Ethereum ไว้ในที่เดียวกันทำให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานในปัจจุบันรวมถึงในอนาคตเป็นอย่างมาก
EOS มีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์และต่างกับเหรียญอื่น ๆ อย่างไรบ้าง
EOS มีจุดเด่นที่หลากหลายมากครับ ดังที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้
EOS สามารถพัฒนาเพื่อรองรับธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นได้
นี่เป็นหนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่เครือข่าย Blockchain ส่วนใหญ่เผชิญอยู่ แม้ว่าเทคโนโลยี Blockchain จะประสบความสำเร็จในการขจัดปัญหาที่ต้องเผชิญกับระบบรวมศูนย์อำนาจหรือ Centralised Systems แต่ก็ไม่สามารถแทนที่ระบบเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์เพราะเมื่อเทคโนโลยี Blockchain ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนธุรกรรมต่าง ๆ เริ่มมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ในปี 2560 Bitcoin ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดกลับมีปัญหาเรื่องความเร็วในการตรวจสอบธุรกรรม ทำให้มีผลในเรื่องของค่าธรรมเนียมในการตรวจสอบซึ่งขัดกับวัตถุประสงค์ในเรื่องของการประหยัดเรื่องต้นทุนการทำธุรกรรมทางการเงิน และส่งผลให้คนเริ่มใช้ Bitcoin น้อยลงจนราคา Bitcoin เริ่มถูกเทขายลงมาเรื่อย ๆ
เหตุผลที่ Blockchain อื่น ๆ ประมวลผลธุรกรรมช้า นั่นเพราะว่าพวกเขาใช้ระบบฉันทามติแบบดั้งเดิมคือ Proof-of-Work แต่สำหรับกรณี EOS นั้นใช้ DPOS (Delegated Proof-of-Stake) จึงทำให้ความเร็วเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ความมีประสิทธิภาพของ DApps
Decentralised Applications หรือ DApps นั้นมีประโยชน์มากสำหรับการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย Blockchain แต่อย่างไรก็ตามนั่นหมายความว่าพวกเขาจะมีทำการตรวจสอบธุรกรรมต่าง ๆ ได้ค่อนข้างช้าแต่สำหรับ EOS Blockchain ที่มีความสามารถในการประมวลผลธุรกรรมนับล้านทุกวินาทีมันจึงกลายเป็นเครือข่ายที่เหมาะสำหรับการเปิดตัว DApps ตัวอย่างการใช้งานบางส่วนของ EOS DApps ได้แก่ เกมการพนันและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น such as Voice
ความยืดหยุ่นที่มากกว่าของ EOS
เครือข่าย EOS มีความยืดหยุ่นเป็นพิเศษ ต่างจากเครือข่าย Ethereum เครือข่าย EOS ยังมีความสามารถที่จะหยุดธุรกรรมในเครือข่ายได้อีกด้วย ซึ่งมันมีไว้เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอย่างการถูกแฮ็ก เช่น เมื่อปี 2016 ที่ DAO ถูกแฮ็ก Ethereum เป็นมูลค่ากว่า 50 ล้านดอลลาร์ ทำให้มันต้องทำการ Hardfork เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งระบบของ EOS จะสามารถป้องกันเหตุการณ์ในรูปแบบนั้นได้ครับ
การประมวลผลแบบขนาน
เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความเร็วในการประมวลผลที่รวดเร็วของเครือข่าย EOS ด้วยการใช้การประมวลผลแบบขนาน EOS Blockchain สามารถลดเวลาการทำงานโดยรวมของกระบวนการทั้งหมดได้สำเร็จ ดังนั้นการทำธุรกรรมใด ๆ บนเครือข่ายจึงรวดเร็วมาก
ระบบปฏิบัติการแบบกระจายอำนาจ
เครือข่าย Ethereum มักถูกอ้างถึงว่าเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์แบบกระจายอำนาจ แล้ว EOS เป็นระบบปฏิบัติการแบบกระจายอำนาจ ซึ่งมันเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของ EOS Blockchain นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ใช้งานและนักพัฒนาส่วนใหญ่จึงนิยมและเทคะแนนไปที่เครือข่าย EOS เป็นจำนวนมาก
DPoS คืออะไร
DPoS ย่อมาจากคำว่า Delegated Proof of Stake หนึ่งในเหตุผลหลักสำหรับความเร็วในการประมวลผลที่รวดเร็วของเครือข่าย EOS นั้นเกิดจากการใช้ระบบฉันทามติแบบ DPoS ซึ่งแตกต่างกับ Bitcoin ที่ใช้ระบบ PoW ที่ใช้พลังงานทั้งค่าไฟและทรัพยากรอื่น ๆ อีกจำนวนมาก สำหรับ EOS นั้น DPoS ทำหน้าที่เป็นระบอบประชาธิปไตยทางเทคโนโลยีที่มีการกระจายอำนาจที่จะทำการลงคะแนนโหวตและกระบวนการเลือกตั้งเพื่อสร้างฉันทามติ โดยปราศจากการแทรกแซงจากส่วนกลางจากรัฐบาลหรือองค์กร แตกต่างจากเครือข่าย Blockchain อื่น ๆ ที่ต้องทำการขุดเหรียญเพื่อแก้ปัญหาโจทย์ต่าง ๆ แต่ EOS กลับใช้วิธีการลงมติว่าใครหรือกลุ่มใดที่จะได้รับการมอบหมายอย่างเป็นทางการ
บล็อกใน EOS Blockchain นั้นสร้างขึ้นเป็นรอบที่ 21 ผู้ถือโทเคน EOS ทุกคนสามารถเลือก Producers 21 รายที่จะทำการตรวจสอบบล็อกในตอนเริ่มต้นของทุก ๆ รอบการคัดเลือก Producers บล็อกจะเสร็จสมบูรณ์ Producers เหล่านี้มีการสับเปลี่ยนตามเวลาบล็อกและมีการสุ่มหมายเลขที่สร้างโดยเครือข่าย Producers เหล่านี้จะมีความรับผิดชอบในการตรวจสอบการทำธุรกรรมที่มีอยู่ในบล็อก
เวลาบล็อกในเครือข่าย EOS ตั้งไว้ที่สามวินาที หมายความว่าทุก ๆ สามวินาทีบล็อกใหม่จะเข้าสู่ Blockchain ทันที Producers จะต้องสามารถตรวจสอบความถูกต้องของแต่ละบล็อกได้อย่างถูกต้องและทันเวลา
หาก Producers ล้มเหลวในการตรวจสอบธุรกรรมให้ถูกต้องและทันเวลาพวกเขาจะถูกลงโทษโดยถูกลบออกจากการเป็น Producers เวลาเฉลี่ยที่โหนดใช้เพื่อยืนยันบล็อกธุรกรรมบนเครือข่าย EOS นั้นใช้เวลาเพียง 1.5 วินาที ดังนั้นจึงเป็นเครือข่าย Blockchain ที่มีความเร็วสูงมาก
สรุปแล้ว EOS เป็นโครงการที่มีคุณสมบัติทั้งหมดที่ Ethereum Blockchain มีแถมยังมาพร้อมกับความเร็วในการประมวลผลอีกด้วย สองสิ่งนี้ก่อให้เกิดการผสมผสานอย่างสมบูรณ์แบบในการสร้าง Blockchain ที่จะพัฒนาไปในอนาคตเพื่อรองรับธุรกรรมที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก EOS กำลังแข่งขันกับ Ethereum ซึ่งการแข่งขันระหว่างคนทั้งสองนี้จะช่วยให้เทคโนโลยี Blockchain ทั้งหมดดีขึ้นและทุกคนสามารถเข้าถึงได้ อีกทั้งยังมี DApps จำนวนมากที่กำลังรีบเร่งพัฒนาจึงมีโอกาสมากมายที่พวกเราจะเห็นสินทรัพย์ดิจิทัลมีการเพิ่มขึ้นของมูลค่า ทั้งปัจจัยพื้นฐานและราคาของเหรียญต่าง ๆ ครับ
Zipmex
ที่มาบทความ: https://learn.zipmex.co.th/