รีวิว: ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ทองคำคือผู้ชนะ
ผลการดำเนินงาน: All Weather Strategy ยังแพ้หุ้นโลก
สัดส่วน: เพิ่มสัดส่วนหุ้นเล็กน้อย จากตอนแรกที่เน้นความเสี่ยงต่ำมาก
มุมมอง: ยังคงเฝ้าระวัง และโฟกัสที่การป้องกันความเสี่ยงขาลง
รีวิว: สัดส่วนหุ้นที่น้อย ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของ AWS ไม่ดีเท่าที่ควร
- ในเดือนมีนาคม เราคาดหวังว่าจะยังเห็นหุ้นปรับตัวลงจากจุดสูงสุดตลอดกาล เราจึงลดสัดส่วนหุ้นเหลือ 25% จาก 45% ในช่วงแรก ๆ สัดส่วนหุ้นที่น้อยก็ช่วยรองรับไม่ให้พอร์ตปรับตัวลงมากเกินไป
- ทว่าตลาดหุ้นที่กลับตัวขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมก็ยังคงขึ้นไปต่อ โดยได้แรงหนุนจากการอัดฉีดเงินของเฟด และมุมมองที่สดใสขึ้นท่ามกลางการระบาดของโควิด-19
- ตลาดสหรัฐฯ และตลาดพัฒนาแล้วอื่น ๆ กลับตัวขึ้นได้มากสุด แต่ก็ยังไม่สามารถฟื้นคืนได้ทั้งหมด
- ในขณะที่หุ้นกลับตัวขึ้น สัดส่วนหุ้นที่เราถืออยู่นั้นต่ำ อธิบายได้ถึงผลการดำเนินงานที่ไม่ดีเท่าที่ควรในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
รีวิว: ตั้งแต่สับเปลี่ยนไปถือตราสารหนี้รัฐบาลของไทย ผลตอบแทนก็ยังคงนิ่ง
- ก่อนหน้านี้เราได้เพิ่มสัดส่วนตราสารหนี้เป็น 45% จาก 25% ซึ่งเราก็ได้สับเปลี่ยนไปถือแค่ตราสารหนี้ภาครัฐของประเทศไทยเท่านั้น แทนที่จะถือผสมกับตราสารหนี้ภาครัฐโลก และตราสารหนี้ภาคเอกชน
- เหตุผลหลักที่เราเพิ่มสัดส่วนตราสารหนี้และสับเปลี่ยนออกจากตราสารหนี้เอกชน คือเพื่อจำกัดความเสี่ยงขาลง ตั้งแต่นั้นมา ผลตอบแทนก็ยังคงนิ่ง
รีวิว: กลุ่มโภคภัณฑ์ถูกน้ำมันลากลง
- ก่อนหน้านี้เราได้ปรับสัดส่วนโภคภัณฑ์ออกทั้งหมด และก็ยังคงเป็นเช่นนั้น
- ในเดือนเมษายน 2020 นับเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้ามีราคาติดลบ หลังจากนั้นมา ราคาน้ำมันก็ฟื้นตัว เมื่อซาอุดิอาระเบีย สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และคูเวตประกาศว่าจะตัดกำลังการผลิต
- โดยรวมแล้วราคาโภคภัณฑ์มีการกลับตัวขึ้น แต่ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาก็ยังถือว่าอยู่ในขาลง เรากำลังมองว่าปัจจัยที่จะขับเคลื่อนราคาได้คือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
รีวิว: ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ทองคำคือผู้ชนะ
- ก่อนหน้านี้ เราเพิ่มสัดส่วนทองคำเป็น 30% จาก 25% และก็ยังคงเป็นเช่นนั้น
- ความไม่แน่นอนที่ยังดำรงต่อไปนั้นเป็นปัจจัยหนุนความต้องการการลงทุนในทองคำ
- ทองคำจึงเป็นสินทรัพย์ที่ทำผลตอบแทนได้ดีที่สุดในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
3 เดือนที่ผ่านมา: ผลการดำเนินงานไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อหุ้นกลับตัวขึ้นฉับพลัน
รูปที่ 1: รูปเปรียบเทียบผลตอบแทน AWS กับสินทรัพย์อื่น ๆ
ข้อมูล ณ วันที่ 31 พ.ค. 2020 (ที่มา: A.Stotz Investment Research, Refinitiv)
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- AWS: แพ้หุ้นโลกไป 4%
- ทองคำ: ความไม่แน่นอนที่ยังดำรงอยู่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนราคา
- ตราสารหนี้: ปรับตัวลงพร้อมตลาดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม จากนั้นเมื่อเราได้สับเปลี่ยนเข้าไปถือตราสารหนี้ภาครัฐของไทย ผลตอบแทนก็นิ่งเรื่อยมา
ตั้งแต่ก่อตั้ง: แพ้หุ้นโลก แต่มีจุดขาดทุนสูงสุด (Drawdowns) ที่ต่ำกว่า
รูปที่ 2: เปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่าง AWS และ MSCI World
ข้อมูล ณ วันที่ 31 พ.ค. 2020 (ที่มา: A.Stotz Investment Research, Refinitiv)
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- พอร์ต All Weather Strategy โดยส่วนใหญ่มีการกระจายการลงทุนในหุ้น 45-65% และลงทุนในทองคำ 25%
- ตั้งแต่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา สัดส่วนคือหุ้น 25% ตราสารหนี้ 45% ทองคำ 30%
- การมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ต่ำกว่าในเชิงเปรียบเทียบ ช่วยลดความรุนแรงของการปรับตัวลงเมื่อเทียบกับกลยุทธ์ที่มีหุ้นเพียงอย่างเดียว
ตั้งแต่ก่อตั้ง: เมื่อเทียบกับความผันผวนของตลาดหุ้นโลก พอร์ต All Weather Strategy มีความผันผวนน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง
รูปที่ 3: ความผันผวนของแต่ละสินทรัพย์
ข้อมูล ณ วันที่ 31 พ.ค. 2020 (ที่มา: A.Stotz Investment Research, Refinitiv)
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- ความผันผวนของพอร์ต AWS นั้นมีน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ของความผันผวนหุ้นโลก
- สัดส่วน 25-65% ในหุ้นช่วยลดความผันผวนลง
- ทองคำไม่มีความสัมพันธ์กับหุ้น จึงช่วยลดความผันผวนของพอร์ต AWS
ตั้งแต่ก่อตั้ง: AWS มักจะทำผลงานได้เหนือกว่า เมื่อหุ้นโลกเผชิญภาวะร่วงหนัก
รูปที่ 4: ผลดำเนินงานของ 10 วันที่แย่ที่สุดของหุ้นโลก เทียบกับ AWS
ข้อมูล ณ วันที่ 31 พ.ค. 2020 (ที่มา: A.Stotz Investment Research, Refinitiv)
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- ลักษณะที่โดดเด่นของ AWS คือ ตั้งเป้าให้ปรับตัวลงน้อยกว่า ยามตลาดหุ้นโลกปรับตัวลง
- นับตั้งแต่ก่อตั้งพอร์ต เมื่อดูข้อมูลของ 10 วันที่ตลาดหุ้นมีผลตอบแทนย่ำแย่ที่สุด พบว่าผลตอบแทนของ AWS ปรับตัวลดลงน้อยกว่าตลาดหุ้นโลกในวันนั้น
- ส่วนใหญ่เป็นเพราะสัดส่วนหุ้นที่น้อย และการกระจายลงทุนในทองคำ
ตั้งแต่ก่อตั้ง: AWS มักจะทำผลงานได้เหนือกว่า เมื่อหุ้นโลกเผชิญภาวะร่วงหนัก
รูปที่ 5: เปรียบเทียบผลการดำเนินงาน AWS และ MSCI World ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
ข้อมูล ณ วันที่ 31 พ.ค. 2020 (ที่มา: A.Stotz Investment Research, Refinitiv)
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- ผลการดำเนินงานของ AWS เหนือกว่าหุ้นโลกที่สุดในช่วงเดือนมีนาคม 2020 กุมภาพันธ์ 2020 พฤษภาคม 2019 และ สิงหาคม 2019 ซึ่งเป็นช่วงที่หุ้นโลกร่วงหนักสุด ๆ
- ทองคำและตราสารหนี้ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือคุมความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพในหลาย ๆ ช่วงที่ตลาดปรับตัวลง
สัดส่วน: เพิ่มสัดส่วนหุ้นเป็น 40% ซึ่งก็ยังถือว่าต่ำอยู่มาก
- ตอนนี้เราได้ลดสัดส่วนตราสารหนี้เป็น 30% จาก 45% โดยย้ายสัดส่วนกลับไปยังหุ้น
- สัดส่วนหุ้นจึงเพิ่มเป็น 40% จาก 25% ซึ่งก็ยังถือว่าต่ำอยู่มาก
- เรายังคงเห็นความเสี่ยงใหญ่ ๆ จากตลาดสหรัฐฯ จึงไม่ได้แบ่งสัดส่วนใหม่นี้ไปลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ โดยเรายังคงสัดส่วนหุ้นสหรัฐฯ เดิมไว้ที่ 5%
สัดส่วน: เพิ่มสัดส่วนหุ้นญี่ปุ่นและภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) พร้อมลดสัดส่วนตราสารหนี้ลง
รูปที่ 6: สัดส่วนพอร์ตล่าสุด
ข้อมูล ณ วันที่ 31 พ.ค. 2020 (ที่มา: A.Stotz Investment Research)
- เพิ่มหุ้นเป็น 40% โดยย้ายสัดส่วนจากตราสารหนี้ไปเข้าหุ้นแทน
- ญี่ปุ่นและภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) ดูน่าสนใจที่สุดในกลุ่มหุ้นทั้งหมด
- ทองคำและตราสารหนี้จะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือควบคุมความเสี่ยง หากตลาดหุ้นยังคงปรับตัวลงต่อ
มุมมอง: ตลาดหุ้นฟื้นตัวแล้ว
- หลาย ๆ ประเทศเริ่มคิดว่าตัวเองสามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้แล้ว หรือไม่ก็เริ่มตัดสินใจว่าจะเปิดเมืองแล้ว
- ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวแล้ว นำโดยตลาดสหรัฐฯ
- แต่แล้วพื้นฐานล่ะ ดีขึ้นหรือเปล่าหลังราคากลับตัวขึ้นช่วงปลายเดือนมีนาคม
มุมมอง: แต่พื้นฐานไม่ได้ดีขึ้นเลย
- การคาดการณ์กำไรถูกปรับลง และมุมมองโดยรวมต่อการเติบโตของ EPS ก็อยู่ที่ -17.8% สำหรับ MSCI World ในปี 2020
- การยื่นขอรับสวัสดิการการว่างงานในสหรัฐฯ พุ่งเกิน 40 ล้านแล้ว
- ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีน รวมถึงเหตุจลาจลในฮ่องกง ได้กลับมาอีกครั้ง ฝั่งสหรัฐฯ เองก็มีเหตุจลาจลเช่นกัน
- เรายังคงมีมุมมองลบต่อสหรัฐฯ เครื่องพิมพ์เงินไม่สามารถทำงานได้ตลอดไป
สัดส่วน: เพิ่มสัดส่วนหุ้นเล็กน้อย จากตอนแรกที่เน้นความเสี่ยงต่ำมาก
- ด้วยแนวโน้มที่ดูสดใสขึ้นของหุ้น เราได้เพิ่มสัดส่วนหุ้นเป็น 40% จาก 25% ซึ่งเป็นระดับที่เสี่ยงต่ำมาก
- ญี่ปุ่นและภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) มีอัตราหนี้สินต่อทุนที่น้อย และค่อนข้างถูก
- ญี่ปุ่นอาจเจอการไหลเข้าของกระแสเงินในช่วงตลาดแปรปรวน เพราะเงินเยนมีสถานะเป็นแหล่งหลบภัยมาแต่ไหนแต่ไร
- นอกจากนี้เรายังมองว่าเอเชียจะเป็นภูมิภาคที่เติบโตสูงสุดหลังโควิด
มุมมอง: ยังคงเฝ้าระวัง และโฟกัสที่การป้องกันความเสี่ยงขาลง
- เรายังคงโฟกัสในการป้องกันความเสี่ยงขาลง แม้ว่านั่นจะหมายถึงการแพ้ให้กับหุ้นโลกในระยะสั้นก็ตาม
- เรายังคงเห็นความเสี่ยงที่โควิด-19 จะระบาดระลอก 2 ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมให้มุมมองการเติบโตแย่ลงไปอีก
- และหากการระบาดของไวรัสนั้นไวกว่าที่คาดไว้ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การว่างงานในวงกว้าง และปัญหาหนี้ก็จะยังคงอยู่
มุมมอง: ทองคำและตราสารหนี้ยังคงสัดส่วนที่สูง
- การกลับมาเปิดตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกนั้นมาพร้อมข้อจำกัดต่าง ๆ ฉะนั้นการฟื้นตัวอาจจะช้า
- บางธุรกิจอาจจะไม่สามารถดำเนินการต่อได้ และรูปแบบการใช้จ่ายเงินอาจจะเปลี่ยน ดังนั้นการฟื้นตัวแบบสมบูรณ์อาจจะใช้เวลานานมาก
- เรายังมีมุมมองต่อการเติบโตของโลกที่เป็นลบ
- ดังนั้น สินค้าโภคภัณฑ์จึงยังไม่น่าสนใจสำหรับเรา
- เรายังพอใจกับการเน้นสัดส่วนสินทรัพย์ตั้งรับอย่างทองคำและตราสารหนี้
สรุป FVMR แต่ละภูมิภาค
รูปที่ 7: สรุป FVMR หุ้นแต่ละกลุ่มประเทศ
ข้อมูล ณ วันที่ 31 พ.ค. 2020 (ที่มา: A.Stotz Investment Research, Refinitiv)
- พื้นฐาน (Fundamentals): หุ้นสหรัฐฯ มีผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ROE (Return on Equity) สูงที่สุด
- มูลค่า (Valuation): ตลาดเกิดใหม่มี PE (Price-to-Earnings) ต่ำสุด และญี่ปุ่นมี PB (Price-to-Book) ต่ำสุด
- แนวโน้ม (Momentum): ตลาดสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นมา 10% ภายในหนึ่งปีที่ผ่านมา
- ความเสี่ยง (Risk): ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และญี่ปุ่น มีอัตราหนี้สินต่อทุน (Gearing) ต่ำที่สุด
สรุป รีวิวพอร์ต All Weather Strategy ประจำเดือนพฤษภาคม 2020
- All Weather Strategy มีผลตอบแทนต่ำกว่าหุ้นโลกในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา แต่ก็มีความผันผวนน้อยกว่า
- เราปรับสัดส่วนหุ้นเป็น 40% เทียบกับก่อนหน้านี้ที่ 25% ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่เสี่ยงต่ำมาก ๆ
- แต่เรายังคงการตั้งรับด้วยสัดส่วนตราสารหนี้ระยะสั้นที่ 30% และทองคำที่ 30%
Andrew Stotz
โปรดทราบ สำหรับลูกค้าฟินโนมีนาที่ลงทุนใน FINNOMENA PORT และได้รับบทความนี้ แต่ยังไม่ได้รับอีเมลและ/หรือ Notification ในการแจ้งสัดส่วนเงินในการเข้าลงทุน อาจเกิดจาก 1) ท่านอยู่ระหว่างการทำรายการซื้อขายกองทุน ซึ่งทางฟินโนมีนาจะแจ้งเตือนอีกครั้งภายใน 1 สัปดาห์หลังจากการทำรายการซื้อขายเสร็จสิ้น หมายเหตุ หากท่านไม่ประสงค์ที่จะรอรับการแจ้งเตือน ท่านสามารถดูรายละเอียดของพอร์ตการลงทุนที่แนะนำผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นของฟินโนมีนาพร้อมปรับพอร์ตเข้าลงทุนได้ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE ID: @FINNOMENAPORT |
สำหรับลูกค้าที่ลงทุนใน All Weather Strategy สามารถดูพอร์ตการลงทุนได้ตามช่องทางนี้
ผ่านมือถือ/Tablet >> แอปฯ FINNOMENA
ผ่านคอมพิวเตอร์ >> เว็บไซต์ FINNOMENA
**All Weather Strategy พอร์ตกองทุนรวมจัดโดย Andrew Stotz ซึ่งจะช่วยให้เราได้ผลตอบแทนจากหุ้นในระยะยาว ในขณะที่ลดความรุนแรงของการขาดทุนในช่วงภาวะตลาดขาลง หากสนใจสร้างแผนการลงทุน สามารถคลิกที่นี่ https://www.finnomena.com/guruport-andrew-all-weather-create/ หรือแบนเนอร์ข้างล่างได้เลยครับ
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”