หลังจากราคาและมูลค่าของตลาดคริปโตเคอเรนซี่ที่พุ่งขึ้นสูงอย่างเป็นประวัติการณ์ในปี 2017 ส่งผลให้หลายภาคส่วนรวมไปถึงผู้คนมากมายต่างหันมาให้ความสนใจว่า “สิ่งนี้” คืออะไรกันแน่? รวมไปถึงเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจมากมายแห่งยุคอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ “บล็อกเชน” ที่สามารถนำไปพัฒนาร่วมกับระบบการทำงานแบบเดิมๆ ให้มีความเสถียรขึ้นอย่างมาก
สิ่งเหล่านี้ทำให้สกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อคเชนกลายเป็นการลงทุนที่น่าจับตามองมากที่สุดอย่างหนึ่งแห่งทศวรรษ แต่แน่นอนการลงทุนทุกอย่างล้วนมีความเสี่ยง
มุมมองของตลาดคริปโตเคอเรนซี่
ตลาดคริปโตเคอเรนซี่นั้นเติบโตได้รวดเร็วแบบก้าวกระโดด ด้วยความใหม่และช่องโหว่มากมายโปรเจคใหม่ๆ หรือ Start up ที่มีแผนพัฒนาโปรเจคที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลหรือบล็อคเชนสามารถเปิดรับระดมทุนได้ทั่วโลกตั้งแต่ก่อนจะเริ่มพัฒนาโปรเจคชิ้นนั้นออกมาจริงๆ จังๆ เสียด้วยซ้ำ
เราสามารถมองตลาดคริปโตเคอเรนซี่ได้ 2 ด้าน ด้านแรก คือโปรเจคส่วนใหญ่อาจเป็นโปรเจค Scam หลอกลวงรวมไปถึงอาจมีพวกแชร์ลูกโซ่เข้ามาแอบอาศัยแอบแฝง แต่ในอีกด้านคือ สิ่งนี้มีพื้นฐานของบล็อกเชนหรือระบบกระจายอำนาจเน้นกระจายศูนย์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของการมีคริปโตเคอเรนซี่เกิดขึ้น ดังนั้นแน่นอนว่าเหรียญที่มีคุณค่าจริง ความเสี่ยงต่ำคือเหรียญที่ใช้บล็อกเชนให้เกิดประโยชน์สูงสุดและการที่มีเหรียญมากมายในตลาดนี้ก็คงไม่แปลก เพราะสุดท้ายแล้วอนาคตจะตัดสินเองว่าสุดท้ายแล้วเหรียญไหนที่มีคุณค่าจริงๆ
การมองตลาดคริปโตเคอเรนซี่ยิ่งเราให้ความสำคัญกับราคาเหรียญนั้น มุมมองทั้ง 2 ด้านดังกล่าวเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่เราควรรู้ไว้ เพระการจะได้ผลตอบแทนมานั้นไม่เหมือนการซื้อหุ้น กองทุนหรือตราสารหนี้ที่เรามั่นใจว่าเราอาจผลตอบแทนกลับคืนมาแน่ๆ
ผลลัพธ์ของคริปโตเคอเรนซี่ระยะสั้น
หลังจากปี 2017 มีเหรียญคริปโตเคอเรนซี่มากมายที่ถูกนำมาเทรดบนกระดาน แต่เหรียญดั้งเดิมที่ถูกนำมาตั้งซื้อขายแลกเปลี่ยนตั้งแต่ช่วงปี 2015 มีแค่ Bitcoin กับ Litecoin เท่านั้น เหรียญแต่ละเหรียญจึงมีผลตอบแทนที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
ยกตัวอย่างเช่น Tronix (TRX) มีผลตอบแทนสูงสุด 1049.3% ต่อเดือนเป็นเวลา 4 เดือนตั้งแต่เดือน สิงหาคมที่ TRX เข้ากระดานเทรดจนสิ้นปี 2017 ซึ่งนั้นทำให้ตลาดคริปโตเคอเรนซี่กลายเป็นที่น่าจับตามองยิ่งขึ้น เพราะคนทั่วไปต่างมองว่าโอกาสในการทำกำไรจากตลาดนี้ดูง่ายดาย
ผลลัพธ์ของคริปโตเคอเรนซี่ในระยะยาว
จากการสำรวจความเสี่ยงและผลตอบแทนของคริปโตเคอเรนซี่ระยะยาวนั้น หากเปรียบเทียบกับหุ้น ในระยะเวลา 3 ปี (หากนับตามปีที่เหรียญ Bitcoin และ Litecoin เข้ากระดานเทรดปี 2015-2017) จะเห็นได้ว่าผลตอบแทนของการลงทุนในคริปโตนั้นสูงกว่าตลาดหุ้นธรรมดาถึง 10 เท่าในระยะเวลาที่เท่ากัน และมีผลตอบแทนต่อเดือนที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
และหากจะพูดถึงผลตอบแทนระยะยาวนั้น เหรียญ BTC และ LTC นั้นมีความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูงมากด้วยตัวแปรหลาย ๆ อย่าง แต่ขณะเดียวกันผลตอบแทนสูงมากหากเปรียบเทียบกับการลงทุนในหุ้นปกติ
สรุป
ตลาดคริปโตเคอเรนซี่กลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนที่ไม่เกรงกลัวการขาดทุน หรือชอบท้าทายความเสี่ยงนั้นเอง การลงทุนในตลาดคริปโตเคอเรนซี่นั้นมีความเสี่ยงมาก และในขณะเดียวกันก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงมากเช่นกัน
การลงทุนทุกประเภทย่อมมีความเสี่ยงแต่หากเราศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงนั้นลง อย่างที่กล่าวไปในเบื้องต้นว่าการมองตลาดคริปโตเคอเรนซี่นั้นมองได้ 2 ด้าน และเหตุผลที่ผลบางกลุ่มเห็นว่าตลาดนี้เต็มไปด้วย scam การโกง กองทุนของเหล่านักต้มตุ๋น นั้นก็เพราะว่าการเติบโตของบิทคอยน์ ที่เป็นเหรียญคริปโตตัวแรกๆ นั้น เติบโตอย่างรวดเร็วมาก ทำให้ถูกจ้องจับโดยมิจฉาชีพเยอะเช่นกัน ในขณะที่นักลงทุนถ้าเราตั้งใจอยากลงทุนอะไร เราก็ควรที่จะศึกษาให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อน เพราะเมื่อใดที่เราโลภ และคิดจะหวังเอากำไรอย่างเดียว เมื่อนั้นคนที่ผิดก็คงเป็นเรา ปัจจุบันเทคโนโลยีนั้นได้ไปไกลมาก และก็เข้าถึงง่ายเช่นเดียวกัน ความรู้ก็เช่นกัน
ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยง และเพิ่มผลตอบแทนในการลงทุน Bitkub จึงขอสนับสนุนทุกท่านให้ลองศึกษาในคริปโตเคอเรนซี่ให้มั่นใจทุกครั้งก่อนการลงทุน
BitKub
ที่มาบทความ: https://www.bitkub.com/blogdetail/risk-and-benefit-of-cryptocurrency-bdd43d1315b5
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต