จากไทม์ไลน์ สถานการณ์ไวรัสโคโรน่า ผมขอเริ่มวิเคราะห์สถานการณ์ว่ามันมีความเสี่ยงมากขนาดไหน โดยจะใช้วิธีการวิเคราะห์จากกำหนดเหตุการณ์ในแต่ละวัน ทั้งนี้หลักการณ์สำคัญคือ เชื้อจะใช้เวลาฟักตัว 14 วัน โดยใน 14 วันดังกล่าวอาจยังไม่มีการแสดงอาการใดๆ
ต้องแบ่งระยะที่คนจีนเข้ามาในประเทศ
กลุ่มที่ 1 คือที่เข้ามาในช่วง 17 – 21 ธ.ค.62
กลุ่มที่ 2 คือเข้ามาช่วง 21 ธ.ค. – 3 ม.ค.63
กลุ่มที่ 3 คือเข้ามาในช่วง 3 – 17 ม.ค.63
กลุ่มที่ 4 คือเข้าในช่วง 17 – 26 ม.ค.63
31 ธ.ค.62 คือวันที่เริ่มพบผู้ป่วยในอู่ฮั่น ถ้านับจากวันนี้ ย้อนกลับไปในช่วงฟักตัว 14 วัน แสดงว่าจุดเริ่มต้นกะคร่าวๆคือ 17 ธ.ค.62
3 ม.ค.63 ไทยเริ่มตรวจที่สนามบิน ซึ่งการตรวจจะเจอเฉพาะคนที่เริ่มมีอาการ เช่น มีไข้สูงเป็นต้น แต่กลุ่มที่มีเชื้อในระหว่างฟักตัวนั้นจะอยู่ในช่วง 21 ธ.ค.62 จนถึง 3 ม.ค.63
ดังนั้นคนจีนที่เข้าในกลุ่มที่ 1 ช่วง 17-21 ธ.ค.62 จึงไม่น่ามีเชื้อเข้ามา
8 ม.ค.63 พบผู้ป่วยรายแรกในประเทศ ซึ่งผู้ป่วยรายนี้น่าจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มคนจีนที่ติดเชื้อในช่วง 24-26 ธ.ค.63 นั่นหมายถึงน่าจะเดินทางเข้าไทยในกลุ่มที่ 2 21 ธ.ค. – 3 ม.ค.63 หรือ 3 – 7 ม.ค.
17 ม.ค.63 พบผู้ป่วย 2 ราย แสดงว่ากลุ่มนี้ต้องติดเชื้อก่อนวันที่ 3 ม.ค. และเดินทางเข้ามาในไทยในช่วงเวลาเดียวกับกลุ่มที่ 3 คือ 3-17 ม.ค.63
22 ม.ค.63 พบผู้ป่วยรายที่ 4 คนนี้น่าจะติดเชื้อในช่วง 6-8 ม.ค.63 ซึ่งอาจเดินทางเข้ามากับกลุ่มที่ 3 หรือ กลุ่มที่ 4
23 ม.ค.63 พบผู้ป่วยคนที่ 5 คนนี้จะติดเชื้อช่วง 7-9 ม.ค.63 และเช่นเดียวกับรายที่ 4 คือน่าจะเข้ามากลุ่มที่ 3 หรือ 4 ซึ่งจากข้อมูลที่มีการประกาศ ผู้ป่วยรายนี้เดินทางเข้าประเทศมาเมื่อ 21 ม.ค.63
26 ม.ค. พบผู้ป่วยเพิ่มอีก 3 ราย กลุ่มนี้เข้ารับการรักษามาตั้งแต่ 22-23 ม.ค. แสดงว่าติดเชื้อในช่วง 6-9 ม.ค. และเดินทางเข้าประเทศมาในกลุ่มที่ 3 หรือ กลุ่มที่ 4
28 ม.ค. พบผู้ป่วยเพิ่มอีก 6 ราย กลุ่มนี้น่าจะติดเชื้อในช่วง 10-14 ม.ค.63 และมีโอกาสสูงที่จะเดินทางมาในกลุ่มที่ 4 คือ 17-26 ม.ค.63
ที่ต้องเรียงวันเวลา และแยกกลุ่มที่เดินทางเข้าประเทศ เพื่อจะได้มาคิดต่อว่า วันนี้เป็นวันที่ 29 ม.ค.63 (วันที่เขียนบทความ) แล้ว หากจะเจอผู้ติดเชื้อรายใหม่ๆ ประเมินว่า จะไม่ใช่กลุ่มที่ 1 (17 – 21 ธ.ค.62 ) กลุ่ม 2 (21 ธ.ค. – 3 ม.ค.63) และมีโอกาสน้อยที่จะเป็นกลุ่มที่ 3 (3 – 17 ม.ค.63) โดยน่าจะเป็นกลุ่มที่ 4 คือ 17 – 26 ม.ค.63 มากกว่า ซึ่งโอกาสที่จะเป็นกลุ่มที่ 3 จะหมดลงโดยสมบูรณ์เมื่อเลยวันที่ 30 ม.ค.63 ไปแล้ว
การคิดข้างต้น ผมไม่ได้ไปคิดเรื่อง คนจีนมาแพร่เชื้อต่อในประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้มันเกินที่คาดการณ์ได้ แต่เชื่อว่า การติดเชื้อในประเทศไทยนั้นไม่น่าจะรุนแรงมากนัก เพราะคนไทยตื่นกลัวและเริ่มสวมหน้ากากป้องกันมาตั้งแต่ต้น ม.ค. ซึ่งเกิดวิกฤติฝุ่น PM2.5 แล้ว
จุดที่เป็นตัวเปลี่ยนสำคัญคือ การประกาศสภาวะฉุกเฉินขั้นสูงสุดของจีน การปิดเมือง และการประกาศห้ามจัดทัวร์ออกนอกประเทศ ในช่วง 23-26 ม.ค.63 จะเป็นการจำกัดจำนวนคนจีนที่จะเข้าไทยตั้งแต่ 26 ม.ค. เป็นต้นไป ดังนั้นการจะเจอผู้ป่วยเพิ่มนับจากนี้ จะต้องเป็นผู้ที่เดินทางเข้าประเทศมาในระหว่าง 17 – 26 ม.ค.63
ซึ่งกลุ่มนี้เมื่อเดินทางเข้ามาแล้ว จะมีเวลาในการฟักเชื้อ และน่าจะเริ่มแสดงอาการออกมาเรื่อยๆ ไปจนถึงวันที่ 8 ก.พ.63 แสดงว่าช่วงเวลา Peak ของการเจอผู้ป่วยที่เดินทางมาจากจีน ก็คือนับจากวันนี้เรื่อยไปจนถึง 8 ก.พ.63
ในระหว่างนี้ หากไม่ได้มีการพบผู้ป่วยที่เกิดจากการติดเชื้อในประเทศ ไปจนถึงช่วงใกล้ๆ วันที่ 8 ก.พ. 63 ก็พอจะสบายใจได้ว่ารัฐบาลสามารถคุมสถานการณ์ไว้ได้จริง และแน่นอนว่าตลาดหุ้นก็ควรจะตอบรับในทางบวกไปด้วย
ย้ำอีกครั้งว่าการวิเคราะห์นี้ คิดเฉพาะผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากจีนเท่านั้น และไม่ได้คิดเรื่องการติดเชื้อในประเทศ
ประกิต สิริวัฒนเกตุ