เมื่อวานนี้ ทางสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ แถลงข่าว GDP ของไทยในไตรมาสที่ 3/2562 ขยายตัวได้อยู่ที่  2.4% ซึ่งทำให้ 3 ไตรมาสรวมกันเฉลี่ยแล้วเศรษฐกิจไทยในปี 2562 เติบโตได้ 2.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ถามว่าตัวเลขนี้น่าพอใจไหม ก็ต้องบอกว่า เป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.6% ซึ่งสาเหตุที่เห็นการชะลอ มาจากภาวะส่งออกและนำเข้าที่ยังหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ ในมุมดีคือ เศรษฐกิจไทยยังคงได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของการบริโภคภาคครัวเรือน การบริโภคภาครัฐบาล และการลงทุนรวม หรือคิดเป็นการขยายตัว 0.10% (QoQ) ลดลงจากไตรมาส 2/2562 ที่ขยายตัว 0.60% (QoQ) ด้วยเหตุนี้ ทาง สศช. จึงคาดว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวมจะขยายตัวที่ระดับประมาณ 2.6% โดยในส่วนของการส่งออกจะหดตัวหรือ ติดลบ -2.0%

ย้อนกลับไปดูรายงานของสภาพัฒน์ตอนแถลง GDP ไตรมาสที่ 2/2562 กลางเดือน ส.ค. แล้วก็พบว่าน่าสนใจ เพราะตอนนั้น ประมาณการ GDP ของไทยทั้งปี 2562 ไว้ที่ 2.7%-3.2% ซึ่ง เป็นการปรับประมาณการลงจากเดิมที่คาดการณ์ไว้เดือนพ.ค. อยู่ที่ 3.3%-3.8% นั่นสะท้อนว่า เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าเป้ามาตลอด ซึ่งผู้ร้ายของหนังเรื่องนี้ก็ภาคการส่งออกซึ่งได้รับผลกระทบมาจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน มาตั้งแต่ไตรมาส 1/2561 และการแถลงรอบนี้ สภาพัฒน์ก็ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยโตลดลงอีกรอบ เหลืออยู่ที่ 2.6% ขณะที่เงินเฟ้อจะอยู่ที่ 0.8% ในปีนี้

เพื่อความยุติธรรม เราควรหันมองออกไปนอกบ้านกันหน่อยว่า เศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ ในโลกในไตรมาส 3/2562 เขาเป็นอย่างไรกันบ้าง ก็เห็นข้อมูลตามนี้คือ ประเทศที่ GDP มีการขยายตัวลดลงในไตรมาส 3/2562 ก็คือ สหรัฐฯ อยู่ที่ 2.3% ซึ่งต่ำสุดในรอบ 12 ไตรมาส ขณะที่จีน ก็ขยายตัวลดลงมาอยู่ที่ 6.0% ต่ำสุดในรอบเกือบๆ 28 ปี ถ้าใกล้ๆ บ้านเรา อินโดนีเซีย ขยายตัวอยู่ที่ 5.0% ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 9 ไตรมาส มาเลเซีย ขยายตัวอยู่ที่ 4.4% ต่ำสุดในรอบใน 1 ปี และที่หนักกว่าเพื่อนในชั่วโมงนี้ ก็คือ ฮ่องกง ซึ่งเศรษฐกิจประเทศเข้าสู่โหมดชะลอตัวแล้ว หลังประกาศ GDP ออกมาหดตัว -2.9% ต่ำสุดในรอบ 41 ไตรมาสทีเดียว

แต่ช้าก่อน ประเทศที่ GDP ขยายตัวได้ดีขึ้นในไตรมาส 3/2562 ก็มีเหมือนกันนะครับ ญี่ปุ่น ขยายตัวได้ 1.3% ไต้หวัน 2.9% ฟิลิปปินส์ 6.2% เวียดนาม 7.3%

ถ้ามองจุดต่างของประเทศที่เศรษฐกิจไตรมาส 3/2562 ขยายตัวลดลง กับ กลุ่มประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น มันเหมือนจะแบ่งได้ชัดเจนว่า เป็นประเทศที่ได้ผลกระทบเชิงลบจากสงครามการค้าทั้งโดยตรงและทางอ้อม กับประเทศที่ได้รับผลกระทบเชิงบวกจากสงครามการค้า และไทยเราอยู่ในกลุ่มแรก คือ ได้รับผลกระทบเชิงลบ โดยส่งออกติดลบ -1.0% มาจากตัว Export of Service หรือ การท่องเที่ยวติดลบ -3.2% แต่ที่น่าสนใจมากกว่าซึ่งทำให้ไทยเรายังมีดุลการค้าเป็นบวกก็คือ ภาคการนำเข้าของไทยเราหดตัวมากกว่าการส่งออกอีกแล้ว โดยอยู่ที่ -6.8%

ดูจากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในภาพรวมที่เรายืนอยู่ ณ จุดนี้ คำถามคือ น่าเป็นห่วงหรือไม่?

คำตอบคือ เรายังมีหวังว่า เศรษฐกิจปีหน้าจะดีกว่าปีนี้ เพราะ 1) ความต่อเนื่องของการขยายตัวฝั่ง Demand ในประเทศ ยังอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้ได้ 2) ส่งออก ถึงแม้หดตัว แต่ก็เริ่มปรับตัวดีขึ้น และถ้ามองถึงบรรยายกาศการเจรจาการค้าในตอนนี้ ก็ต้องบอกว่า มันดูมีแสงสว่างปลายอุโมงค์มากกว่าปีที่แล้วเยอะเลยว่า มีโอกาสสูงที่สหรัฐฯ และจีนจะสามารถตกลงการค้ากันได้ในเฟสแรก 3) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐก็ยังดำเนินต่อเนื่อง และ 4) ภาคการท่องเที่ยวถ้าไม่สะดุดอะไร ก็คงปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน (ลองดูตัวเลขนักเท่องเที่ยวชาวอินเดียมาไทยนะครับ น่าสนใจมากๆ)

แต่ถ้ามองจากสถิติ ก็ต้องบอกว่า ภาพมันไม่เหมือนกับอนาคตที่เราวาดไว้เลย เพราะ เวลาเราคาดการณ์อะไร โดยเฉพาะถ้าเป็นคาดการณ์ในแง่เศรษฐกิจ เรามักจะมองในแง่ดี มองว่า อนาคตดีๆ รอเราอยู่ตรงหน้ามาเสมอ แต่เอาเข้าจริง เมื่อตัวเลขจริงรายงานออกมาแล้วพบว่า เศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าคาดการณ์ ก็จะมีการปรับประมาณการของไตรมาสถัดๆ ไปลงไปอีก ปีหน้า ปี 2563 สภาพัฒน์คาดการณ์ GDP ของไทยจะเติบในกรอบที่ 2.7%-3.7% ปีนี้ GDP ของไทยเราน่าจะหลุดกรอบล่างของที่ประมาณการต้นปีมาแล้ว ปีหน้าจะฟื้นได้ไหม เรามาช่วยกันครับ

Mr.Messenger