คว้าโอกาสสร้างผลตอบแทน
ไปกับหุ้นไทยที่มีศักยภาพสูง
ด้วยกองทุน TSF
Created by:
CrisisMan & BuffettCode
Key Highlights
- ต้องยอมรับว่าในระยะหลังมานี้ ตลาดการเงินทั่วโลกได้รับผลกระทบจากประเด็นการค้าที่ตึงเครียด แต่ในวิกฤตย่อมมีโอกาส และประเทศไทยก็อาจได้รับโอกาสดังกล่าว นั่นคือ การย้ายฐานการผลิต แต่หากทั้งสองชาติบรรลุข้อตกลงได้ ความสงบกลับมาอีกครั้ง ประเทศไทยก็ได้รับผลดีอีกเช่นกัน นั่นคือ ภาคการส่งออกที่ฟื้นตัว นอกจากนี้ยังมีอีกภาคส่วน คือ การบริโภคภาคเอกชนซึ่งยังแข็งแกร่งและมีส่วนในการผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งทั้งตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 1 ปี 2562 และประมาณการเศรษฐกิจบ่งชี้ไปในทางเดียวกันว่าภาคส่วนนี้จะโดดเด่นในช่วงที่เหลือของปี
- TSF เป็นไม่กี่กองทุนที่นานๆ ที จะพบได้ในอุตสาหกรรมกองทุนรวมไทย ด้วยกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี 10-15 ตัว ที่มีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตสูง สไตล์การลงทุนที่เน้นการเลือกลงทุนเป็นรายหลักทรัพย์เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุด มีความยืดหยุ่นในการปรับกลยุทธ์ตามสภาวะตลาด และขนาดสินทรัพย์ของกองทุนที่ไม่ใหญ่เกินไป ทำให้สามารถลงทุนหุ้น Mid-Small Cap ได้ในสัดส่วนสูงๆ ได้
-
หุ้นที่ TSF ถือในสัดส่วนระดับสูงสุดล้วนแล้วแต่เป็นหุ้นที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของตนเอง และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่น เมืองไทย แคปิตอล, เอ็มเค เรสเตอรองต์ กรุ๊ป, กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์, ซีพี ออลล์ ฯลฯ
Introduction
ใช่ว่าโอกาสการลงทุนจะหมดไปจากตลาดหุ้นไทยแล้ว หลายภาคส่วนยังมีโอกาสเติบโต และสร้างผลตอบแทนได้อยู่ กองทุน TSF – TISCO Strategic Fund เป็นหนึ่งในกองทุนที่เหมาะกับการแสวงหาโอกาสดังกล่าวให้พอร์ตการลงทุน
ต้องยอมรับว่าในระยะหลังมานี้ ตลาดการเงินทั่วโลกได้รับผลกระทบจากประเด็นการค้าที่ตึงเครียด แต่ในวิกฤตย่อมมีโอกาส และประเทศไทยก็อาจได้รับโอกาสดังกล่าว นั่นคือ การย้ายฐานการผลิตแต่หากทั้งสองชาติบรรลุข้อตกลงได้ ความสงบกลับมาอีกครั้ง ประเทศไทยก็ได้รับผลดีอีกเช่นกัน นั่นคือ ภาคการส่งออกที่ฟื้นตัว นอกจากนี้ยังมีอีกภาคส่วน คือ การบริโภคภาคเอกชนซึ่งยังแข็งแกร่งและมีส่วนในการผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งทั้งตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 1 ปี 2562 และประมาณการเศรษฐกิจบ่งชี้ไปในทางเดียวกันว่าภาคส่วนนี้จะโดดเด่นในช่วงที่เหลือของปี
TSF เป็นไม่กี่กองทุนที่นานๆ ที จะพบได้ในอุตสาหกรรมกองทุนรวมไทย ด้วยกลยุทธ์ สไตล์การลงทุน ความยืดหยุ่น และขนาดสินทรัพย์ของกองทุน
จุดเด่นของ TSF
ลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี 10-15 ตัว ที่มีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตสูง
ด้วยข้อจำกัดของจำนวนการถือครองหุ้นในพอร์ต ส่งผลดีในแง่ของความเข้มข้นในการคัดเลือกหุ้นเข้ามาในพอร์ตของกองทุน ทั้งผู้จัดการกองทุนและทีมวิเคราะห์ต้องเฟ้นหาหุ้นที่มีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตสูงที่สุด ทำให้มั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีการหว่านเก็บหุ้นเข้ามาอย่างแน่นอน
เน้นการเลือกลงทุนเป็นรายหลักทรัพย์เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุด
ซึ่งการค้นหาหุ้นที่มีโอกาสและศักยภาพก็ต้องใช้การมองภาพรวมเพื่อค้นหาอุตสากรรมที่มีโอกาสและศักยภาพเช่นเดียวกัน จากนั้นเจาะลึกลงไปในรายหลักทรัพย์เพื่อค้นหาหุ้นที่แกร่งที่สุดในอุตสาหกรรม แน่นอนว่าต้องพิจารณาตัวเลขในงบการเงินทั้งในอดีตและคาดการณ์ในอนาคต แต่การค้นหาหุ้นที่แกร่งที่สุดไม่ได้ใช้เพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น ทางทีมงานของกองทุนใช้การเปรียบเทียบภาพรวมความครบเครื่องของธุรกิจกับคู่แข่ง การเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มธุรกิจ พฤติกรรมการบริโภคของโลกยุคใหม่ รวมไปถึง Company visit ในการวิเคราะห์เพื่อเลือกหุ้นที่ดีที่สุดเข้ามาในพอร์ตกองทุน
มีความยืดหยุ่นในการปรับกลยุทธ์ตามสภาวะตลาด
จากนโยบายการลงทุนเชิงรุก (Active) และจำนวนหุ้นในพอร์ตเพียง 10-15 ตัว สร้างข้อได้เปรียบอีกอย่าง คือ ความยืดหยุ่นในการปรับกลยุทธ์ ดังนั้นในยุคที่มีความเปลี่ยนแปลงทั้งจากปัจจัยภายนอก ภายใน อย่างรวดเร็ว ก็มั่นใจได้ว่ากองทุนพร้อมคว้าโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการเปลี่ยนแปลงได้ทันเวลา
ขนาดกองทุน อีกเคล็ดลับความสำเร็จของ TSF
ขนาดกองทุนหรือมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผมใช้พิจารณาคัดเลือกกองทุนเข้าพอร์ต โดยหากกองทุนมีขนาดไม่ใหญ่มาก ทำให้สามารถลงทุนในหุ้นที่มีขนาด (Market Capitalization) ไม่ใหญ่มาก หรีอที่เราเรียกกันว่า หุ้น Mid-Small Cap ด้วยสัดส่วนในพอร์ตกองทุนที่สูงได้โดยไม่กระทบต่อราคาของหุ้น ซึ่งหากหุ้นมีผลตอบแทนที่ดี กองทุนที่มีขนาดไม่ใหญ่มากก็ได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่ากองทุนที่มีขนาดใหญ่
* ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต *
ดูข้อมูลผลการดำเนินงานปัจจุบันได้ ที่นี่
ผลการดำเนินงานของ TSF
ด้วยปัจจัยและกลยุทธ์ที่กล่าวมาข้างต้น ได้พิสูจน์ออกมาผ่านผลตอบแทนในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา ที่สูงกว่าดัชนี SET TRI ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิง (Benchmark) ของกองทุน หรือหากเทียบกับผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุนในกลุ่มเดียวกันก็น่าประทับใจไม่ใช่น้อย
* ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต *
ดูข้อมูลผลการดำเนินงานปัจจุบันได้ ที่นี่
TSF ลงทุนในหุ้นอะไรบ้าง
หุ้นที่ TSF ถือในสัดส่วนระดับสูงสุดล้วนแล้วแต่เป็นหุ้นที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของตนเอง และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย BuffettCode ได้ให้ตัวอย่างไว้ อาทิเช่น
*สัดส่วนหุ้นของกองทุน อัปเดตล่าสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2019
1. หุ้น MTC หรือบริษัทเมืองไทย แคปิตอล จำกัด (มหาชน) สัดส่วน 8.97%
บริษัทจำนำทะเบียนรถรายใหญ่ของประเทศไทย ปี 2561 บริษัทปิดรายได้ไป 10,416 ลบ. เติบโตจากปี 2561 ที่มีรายได้ 7,470 ลบ. เติบโต 39% ปัจจุบันบริษัทมี 3,279 สาขา ทำธุรกิจรับจำนำทะเบียนทั้งจักรยานยนต์, รถยนต์, รถแทรกเตอร์ รวมไปถึงสินเชื่อส่วนบุคคล และ สินเชื่อที่มีที่ดินเป็นหลักประกัน
2. หุ้น M หรือบริษัท เอ็มเค เรสเตอรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) สัดส่วน 8.83%
อาณาจักรร้านสุกี้อันดับหนึ่งของประเทศไทยที่กำลังเติบโตแข็งแกร่ง แม้ปัจจุบันจะมีร้านอาหารเปิดใหม่มากมายแต่เอ็มเคก็ยังเติบโตได้ ไม่มีวี่แววว่าจะอิ่มตัวหรือถดถอยแต่อย่างใด ในไตรมาส 1 ปี 2562 หุ้น M ทำกำไรสุทธิเติบโตถึง 12.3% ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับหุ้นที่ใหญ่ขนาดนี้ สาเหตุที่เติบโตก็มาจากยอดขายสาขาเดิมที่เติบโตของทั้งเอ็มเคและยาโยอิ
3. หุ้น GULF หรือบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) สัดส่วน 8.68%
หุ้นโรงไฟฟ้าน้องใหม่ที่เพิ่ง IPO ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว เข้ามาตลาดก็เติบโตอย่างรวดเร็ว รายได้ปี 2561 อยู่ที่ 20,229 ลบ. เติบโต 112% จากรายได้ 9,523 ในปี 2560 หุ้น GULF ให้ผลตอบแทนสูงเป็นอันดับต้นๆ ถือเป็นหุ้นที่ทางกองทุนTSF เลือกได้ดีมากเลยทีเดียว
4. หุ้น CPALL หรือบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) สัดส่วน 8.41%
หุ้นอมตะเจ้าของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่เติบโตต่อเนื่องมามากกว่า 10 ปี และธุรกิจค้าส่งรายใหญ่อย่างแมคโคร ปัจจุบันแมคโครกำลังไปบุกตลาดอินเดียซึ่งถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ และมีศักยภาพมาก
ความเสี่ยงของ TSF
เหรียญยังมีสองด้าน แน่นอนว่าทุกอย่างมีข้อดีแล้ว ย่อมมีข้อเสีย เราไปดูจุดที่เป็นความเสี่ยงของกองทุน TSF กันสักหน่อยครับ
การลงทุนในตลาดหุ้นเพียงแค่ประเทศใดประเทศหนึ่งย่อมส่งผลให้เผชิญกับการไม่กระจายความเสี่ยง ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเผชิญกับความเสี่ยงที่เป็นระบบของประเทศนั้น เช่น สภาพเศรษฐกิจ ความไม่แน่นอนทางการเมือง นอกจากนี้ การลงทุนย่อมต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่ไม่เป็นระบบ อาทิเช่น การขยายตัวของรายได้และกำไรของบริษัท คู่แข่ง หรือต้นทุนของสินค้า ในเบื้องต้นอาจลดได้หากมีจำนวนหุ้นที่ลงทุนมากพอ อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนหุ้นที่กองทุนลงทุนมีประมาณ 10 – 15 ตัว ทำให้อาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงดังกล่าวมากกว่าปกติ
อย่างไรก็ตาม การลงทุนโดยเฉพาะในตลาดหุ้นนักลงทุนต้องพบกับความผันผวนของผลตอบแทนในระยะสั้นเป็นของคู่กัน แต่ในระยะยาวกองทุน TSF ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถสร้างผลตอบแทนแลกกับความเสี่ยงทั้งหลายที่ต้องเผชิญได้อย่างน่าประทับใจ
ค่าธรรมเนียมของ TSF
เมื่อพูดถึงจุดเด่น จุดด้อยกันไปแล้ว เราไปดูสิ่งสุดท้ายแต่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ผมจะคำนึงถึงทุกครั้งก่อนการลงทุน นั่นคือ ค่าธรรมเนียม สำหรับกองทุน TSF ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end fee) อยู่ที่ 1.00% ขณะที่ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุน (Management fee) อยู่ที่ 1.81% ซึ่งสำหรับกองทุนหุ้นที่มีนโยบาย Active เช่นนี้ ค่าธรรมเนียมในระดับนี้ถือว่าเหมาะสมและอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยของกองทุนประเภทนี้
สรุป
ดังนั้นนักลงทุนที่ชื่นชอบการลงทุนในหุ้นไทย และกำลังค้นหากองทุนเชิงรุกแนว Bottom Up ที่ไว้ใจได้เข้ามาเสริมพอร์ตการลงทุน มีค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม พร้อมโอกาสสร้างผลตอบแทนให้กับพอร์ตการลงทุน กองทุน TSF – TISCO Strategic Fund เป็นหนึ่งในกองทุนที่ตอบโจทย์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดีครับ
เพิ่มเติม
- หุ้น Mid-Small Cap หรือ หุ้นขนาดกลาง-เล็ก คือ หุ้นที่มีขนาดมูลค่าธุรกิจตามราคาตลาดน้อยกว่า 50,000 ล้านบาท หุ้นเหล่านี้คือบริษัทขนาดกลาง-เล็ก จึงมีโอกาสเติบโตสูงกว่าบริษัทขนาดใหญ่ หรือ หุ้น Large Cap อย่างไรก็ตาม หุ้น Mid-Small Cap ส่วนใหญ่ก็จะมีราคาตลาดที่ผันผวนกว่าหุ้นขนาดใหญ่เช่นกัน
ช่องทางลงทุนใน TSF ผ่าน FINNOMENA
สำหรับผู้ที่สะดวกทำรายการซื้อออนไลน์ด้วยตนเอง
สำหรับผู้ที่ยังไม่มีพอร์ตกับ FINNOMENA สามารถลงทุนใน TSF ผ่านแผนการลงทุนแบบ DIY (ดูรายละเอียดแผนการลงทุนได้ ที่นี่ )
ดูข้อมูล TSF เพิ่มเติมได้ที่
Jessada Sookdhis
Investment Analyst (IA)
ตรวจทานบทความ
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
การให้ข้อมูลสำหรับติดต่อของท่าน ถือเป็นการยอมรับให้บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด และบริษัท ฟินโนมีนา จำกัด ติดต่อท่านได้โดยตรงเท่านั้น ข้อมูลส่วนตัวของท่านจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ