ในรอบกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลังจากเกิด ‘Hamburger Crisis’ ในปี 2008 ส่วนหนึ่งเกิดจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่แท้จริง ที่นำพามาซึ่งการเติบโตและกำไรที่ดีของบริษัทจดทะเบียนในระยะยาว และอีกส่วนหนึ่งได้รับการปรุงแต่งในรูปแบบนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย (QE) จากหลายประเทศ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดหุ้น
ใช่ครับ… นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้เศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ เดินไปในทิศทางที่ดีขึ้น ขยายตัวได้มากขึ้น
มีเกิด ตั้งอยู่ และต้องเสื่อมลงเป็นธรรมดา การขยายตัวของเศรษฐกิจก็ถึงเวลาที่ต้องชะลอตัวตามวัฏจักร นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายถูกยุติลง ประกอบกับปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน อาทิเช่น ประเด็นสงครามการค้า ความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป ทั้งหมดทั้งสิ้นได้ปรากฏผลออกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงมาถึงจุดที่เรียกได้ว่า ‘น่าสนใจ’ หรือในมุมมองนักวิเคราะห์หุ้นมืออาชีพจะเรียกมันว่า “โอกาส”
แน่นอนครับ… ใช่ว่าจุดนี้จะมอบโอกาสในการซื้อหุ้นที่ดีไปเสียหมด สิ่งที่จะช่วยให้คว้าหุ้นที่ดีในโอกาสดังกล่าวได้ คือความรู้และประสบการณ์ในตลาดหุ้นที่โชกโชน ทำให้สามารถแบ่งแยกได้ระหว่างหุ้นเน่า กับหุ้นดีแค่มีปัญหาชั่วคราว
เจ้าประสบการณ์ ความโชกโชน ทั้งหมดทั้งมวลนี้ถูกกลั่นกรอง และจัดรูปแบบออกมาอย่างเป็นระบบการวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่เป็นที่ยอมรับระดับโลกในชื่อ “FVMR Strategy”
เทคนิคการเลือกหุ้นแบบ FVMR Strategy เป็นหลักการในการเฟ้นหาหุ้น ออกแบบมาเพื่อค้นหาหุ้นที่มีราคาน่าสนใจ และเป็นเครื่องมือหลักในการตัดสินใจว่า “บริษัทไหนน่าลงทุน”
“หลักสูตรวิเคราะห์หุ้นอย่างมืออาชีพ แบบใช้งานได้จริง by FINNOMENA x Andrew Stotz” เป็นการนำปัจจัยหลักที่มีความสำคัญกับการคัดเลือกหุ้นทั้ง 4 ด้าน มาประกอบกันเป็น Model การลงทุนที่เรียกว่า FVMR Strategy
ใน class จะมีการสอนขุดหุ้นโดยใช้การหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น โดยใช้ 4 ปัจจัยหลักคือ Fundamental (พื้นฐาน), Value (มูลค่า), Momentum (โมเมนตัม), Risk (ความเสี่ยง) เปรียบเสมือน 4 มุมมอง ในการคัดเลือกหุ้นก่อนเข้าลงทุน เพื่อให้นักลงทุนสามารถนอนหลับแต่ละคืนได้อย่างสบายใจ ว่าหุ้นที่เลือกมานั้น ได้ผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดีแล้ว
Fundamental (พื้นฐาน)
“เลือกโอกาสที่จะเสีย… หรือเสียโอกาสที่จะเลือก…”
หลีกเลี่ยงการเสียโอกาสโดยใช้ “ความรู้” ในการคัดเลือกหุ้นที่กำลังรุ่งออกจากหุ้นที่กำลังร่วง เป็นสิ่งแรกที่เหล่านักวิเคราะห์หุ้นมืออาชีพจะลงมือทำ โดยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะให้ความสำคัญงบการเงินของบริษัท และเจาะประเด็นสำคัญที่ควรเข้าใจในงบการเงิน
การวิเคราะห์พื้นฐานของหุ้น ที่ไม่เพียงมองแค่ศักยภาพในการทำกำไรของบริษัทในปัจจุบัน แต่วิเคราะห์ถึงแนวโน้มการเติบโตของกำไร เพราะการซื้อหุ้น คือการซื้อ ‘อนาคต’ ดังนั้นจึงต้องวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตซึ่งขึ้นอยู่กับศักยภาพในการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอและความสามารถของผู้บริหาร
Valuation (มูลค่า)
“หุ้นแพงอาจไม่ดี… หุ้นดีอาจไม่แพง…”
เมื่อสามารถเฟ้นหาหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตพร้อมศักยภาพการทำกำไรได้แล้ว ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อซื้อ ‘อนาคต’ เป็นสิ่งต่อมาที่ต้องคำนึง จึงเป็นที่มาของการประเมินมูลค่า ในหลักสูตรจะมีการสอนและสร้างแนวคิดในการหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น
สิ่งที่แตกต่างจะหลักสูตรอื่นอย่างชัดเจนคือเน้นการนำไปใช้ได้จริง สามารถนำกลับไปใช้ต่อเพื่อประยุกต์ใช้กับหุ้นตัวอื่นๆ ได้ หลังจากจบ class แล้ว ท่านจะไม่ได้หุ้นเก็งกำไรกลับไป แต่จะได้เบ็ดตกปลาเพื่อไปหาหุ้นที่น่าสนใจได้
Momentum (โมเมนตัม)
“กระแสไม่มา… กำไรไม่มี…”
ถ้าหากคัดเลือกหุ้นที่พื้นฐานและมูลค่าดีแล้ว ต้องพิจารณาปัจจัยเร่งที่ทำให้เกิดการเติบโต ส่งผลกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจัยเร่งดังกล่าวถูกเรียกว่า โมเมนตัม
โมเมนตัมถูกนำมาใช้เพื่อหลีกเลี่ยงกับดักหุ้นถูกเรื้อรัง หรือ ‘Cheap Value Trap’ แต่ในทางกลับกันหุ้นที่ไม่มีโมเมนตัมเป็นระยะเวลานาน ในหลายครั้งก็กลับมาทำผลตอบแทนได้ดีเมื่อมีปัจจัยมากระทบ
Risk (ความเสี่ยง)
“ความเสี่ยงคือไม่รู้… ถ้ารู้คือไม่เสี่ยง…”
การควบคุมความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่ใช้ในการคัดเลือกหุ้น หุ้นทุกตัวมีความเสี่ยง มองให้รู้ ดูให้ทะลุ คือการป้องกันความเสี่ยงที่แท้จริง
หากหุ้นทุกตัวล้วนมีความเสี่ยง สิ่งที่สำคัญของการลงทุนคือ คิดให้ครบและหลบความเสี่ยง เรียนรู้ความเสี่ยงของหุ้นแต่ละตัว และประเมินได้ว่าความเสี่ยงในแต่ละข้อจะส่งผลต่อราคาหุ้นที่เราถืออย่างไร
FINNOMENA x Andrew Stotz หลักสูตร “Valuation Master Class Live in Bangkok”
การสร้างแนวคิด วิธีการไปถึงเป้าหมาย และเครื่องมือที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญในการประเมินราคาหุ้น ระบบและรูปแบบของการคิดในแต่ละขั้นตอนถูกจัดรูปแบบอย่างเป็นระบบ ออกมาเป็นขั้นตอนง่ายๆ แบบนี้ เกิดจากฝีมือของ A.Stotz Investment Research ก่อตั้งโดย Dr.Andrew Stotz, CFA อดีตหัวหน้าฝ่ายทีมวิจัยของ CLSA ประเทศไทย มีประสบการณ์การลงทุนกว่า 20 ปี โดยเฉพาะในสายงานนักวิเคราะห์ ในอดีตเคยดำรงตำแหน่งประธานของ CFA Society Thailand และนักวิเคราะห์อันดับ 1 ในประเทศไทยในปี 2551-2552 ขณะที่ A.Stotz investment research มีบริการให้คำแนะนำและจัดพอร์ตการลงทุนในหุ้นทั่วภูมิภาคเอเชีย โดยเน้นการวิเคราะห์เชิงลึกผ่านกระบวนการ FVMR Strategy
หลักสูตรนี้จัดขึ้นมาเพื่อให้นักลงทุนในประเทศไทยสามารถประเมินมูลค่าหุ้นได้อย่างถูกต้อง เน้นการนำไปประยุกต์ใช้งานได้จริง ที่ผ่านการกลั่นกรองมาจากประสบการณ์ที่ผ่านมาตลอดชีวิตการทำงาน ในฐานะนักวิเคราะห์หัวหน้างานวิจัย และศาสตราจารย์ด้านการประเมินมูลค่าที่เป็นที่ยอมรับระดับโลก
หลักสูตรเน้นการใช้งานจริง ซึ่งจะมีการสอนเป็นภาษาอังกฤษ พูดแบบช้า ๆ ชัด ๆ เน้นความเข้าใจและการปฏิบัติ อย่าลืมนำ notebook มาด้วยเพื่อใช้ model ในการหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นรายตัว
จัดในวันเสาร์ และอาทิตย์ที่ 15 – 16 มิถุนายน 2562
เวลา 08:30 – 16:30 น.
ที่ FINNOMENA SPACE ชั้น 17 โซนดี อาคารธนิยะ พลาซ่า (ใกล้ BTS ศาลาแดง)
ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่ finno.me/andrew-class
แล้วพบกันครับ