เมื่อพูดถึง Disney ภาพที่หลายๆ คนนึกถึงน่าจะเป็นหนังและอนิเมชั่นหลากหลายเรื่องที่มีจุดเด่นด้านภาพสวยงามและพล็อตเรื่องที่ชนะใจเด็กและผู้ใหญ่หลายคน
แต่รู้มั้ยว่าตอนนี้ Disney กำลังจะใช้เงินลงทุนจำนวน $24 พันล้าน (~8 แสนล้านบาท) ไปกับสวนสนุก รีสอร์ต และเรือสำราญ ซึ่งเงินจำนวนนี้มากกว่าเงินที่ใช้ลงทุนซื้อค่ายหนัง 3 ค่าย (นั่นก็คือ Pixar ($7.4 พันล้าน) Marvel ($4 พันล้าน) และ Lucas Film ($4 พันล้าน) รวมกันซะอีก
จริงๆ ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไร เพราะขึ้นชื่อว่าสวนสนุกยี่ห้อ Disney ย่อมอลังการอยู่แล้ว ดูอย่างสวนสนุก Walt Disney World ที่ฟลอริดา สหรัฐฯ เป็นอาณาจักรที่ประกอบไปด้วยสวนสนุกถึง 4 แห่ง มีผู้เข้าชมต่อปีกว่า 56 ล้านคน อาณาจักรนี้กินพื้นที่ไปกว่า 25,000 เอเคอร์ นับเป็นพื้นที่เกือบ 2 เท่าของแมนฮัตตัน หรือพอๆ กับซาน ฟรานซิสโกเลยทีเดียว (จะยิ่งใหญ่ไปไหน)
Walt Disney World (Source: @amyjoyhumphries / Unsplash)
และอาณาจักรสวนสนุก Disney ในสหรัฐฯ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น จีน และฮ่องกง ก็กำลังจะขยายใหญ่ขึ้นอีก…
จะว่าไปแล้วก็เป็นการตัดสินใจที่ดี เพราะสวนสนุก Disney ถือเป็นตัวสร้างรายได้ที่ยอดเยี่ยม ล่าสุดนี้ Disney ประกาศว่าในไตรมาสงบประมาณล่าสุด สวนสนุกและรีสอร์ตมีรายได้ $5.07 พันล้าน (~1.7 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนรายได้ทั้งปีงบประมาณอยู่ที่ $20.2 พันล้าน (~6.7 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน
ทางด้านกำไรจากการดำเนินงานของปีงบประมาณนี้ อยู่ที่ $4.5 พันล้าน (~1.5 แสนล้านบาท) นับเป็นการเติบโตถึง 100% หากเทียบกับเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ส่วนฝั่งผลิตรายการทีวีอย่าง Disney Media Networks (เจ้าของ ESPN และ ABC) น่ะเหรอ…แม้จะมีกำไร $6.6 พันล้าน (~2.2 แสนล้านบาท) ซึ่งมากกว่าฝั่งสวนสนุก แต่พอเทียบกันกับเมื่อ 5 ปีก่อนแล้วกลับลดลง 3% นั่นเป็นเพราะการแข่งขันที่สูงขึ้นในอุตสาหกรรมสื่อ มีธุรกิจให้สตรีมหนังมากมายที่โลดแล่นอยู่ในตลาด
แล้วทางฝ่ายผลิตภาพยนต์ล่ะเป็นยังไงบ้าง? คำตอบคือยังดูดีเพราะปีนี้ได้ภาพยนตร์จากค่าย Marvel และ Pixar มาช่วยดันให้ผลประกอบการดีเหนือความคาดหมาย
และเผื่อใครยังไม่รู้ ตอนนี้หุ้น Disney เป็นหุ้นตัวหนึ่งที่ขึ้นเอาๆ แม้ว่าเราจะอยู่ท่ามกลางหุ้นตก โดยปีนี้ปรับตัวขึ้นมาประมาณ 8% แล้ว สามารถเอาชนะตลาดได้ การที่หุ้นพุ่งน่าจะมีสาเหตุมาจากความคาดหวังต่อผลประกอบการไตรมาสล่าสุด (ซึ่งก็ทำออกมาได้ดีเกินคาด) บวกกับข่าวการควบรวมกิจการและความคาดหวังต่อโปรเจ็กต์ใหม่ๆ ในปีหน้า
หุ้น Disney ตั้งแต่ต้นปี 2018 จนถึงปัจจุบัน (21 พ.ย. 2018) (Source: Investing)
รายละเอียดการขยายอาณาจักของ Disney
แน่นอนว่าสาเหตุของกำไรก็ต้องมาจากยอดผู้เข้าชมที่จ่ายเงินซื้อตั๋วนั่นแหละ และแม้ว่าตั๋วจะแพงสุดๆ ในช่วงพีคๆ ที่คนชอบไปกันเยอะๆ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้จำนวนคนลดลงแต่อย่างใด เพราะจำนวนคนก็ยังแน่นสุดๆ ในหลายๆ พื้นที่ของสวนสนุก ซึ่งคุณ Bob Chapek ประธานบริหารสวนสนุก Disney ได้กล่าวว่าการที่คนเยอะมากเกินไปนี้ก็อาจจะไปกระทบระดับความพอใจของผู้เข้าชมก็ได้นะ
อืม…ก็จริงของเขา ใครจะชอบไปเดินเล่นในที่ที่คนเยอะจัดกันล่ะ
ด้วยเหตุนี้การขยายอาณาจักรของ Disney รอบนี้เลยไม่ใช่แค่การเพิ่มเครื่องเล่นใหม่เข้าไปให้ดูเก๋ๆ แต่เป็นการเพิ่มอาณาเขตให้สวนสนุกที่ได้รับความนิยมสุดๆ (เช่น ที่โตเกียว) และพัฒนาสวนสนุกแห่งอื่นๆ (เช่น ที่ปารีส) ให้ตระการตายิ่งขึ้น เพื่อกระจายคนไปยังสวนสนุกแห่งอื่นๆ อย่างทั่วถึง
หนึ่งในประเทศที่ Disney สนใจอยากขยายสวนสนุกเพิ่มคือจีน เพราะสัดส่วนประชากรชนชั้นกลางของจีนนั้นกำลังเติบโต คนกลุ่มนี้มีกำลังทรัพย์เพียงพอ ด้วยเหตุนี้ประเทศจีนจึงกลายเป็นตลาดสำคัญของ Disney ไปโดยปริยาย
แต่ถึงอย่างนั้นหากดูจากอดีตที่ผ่านมา สวนสนุก Disney ในจีน รวมถึงฮ่องกง ไม่ได้สร้างความน่าประทับใจที่ดีนัก โดยผลการดำเนินงานของสวนสนุกที่เซี่ยงไฮ้นั้นค่อนข้างทรงๆ ส่วนที่ฮ่องกงนั้นล่าสุดขาดทุนติดต่อกันถึง 3 ปีแล้ว ส่วนหนึ่งจากบรรยากาศการท่องเที่ยวที่ซึมเซา ถึงกระนั้น Disney ก็ไม่ยอมแพ้ จัดหนักด้วยการขยับขยายและพัฒนาสวนสนุกที่ฮ่องกงเพื่อต่อกรกับปัญหานี้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟันซะเลย
ต้องขอบคุณภาพยนตร์ต่างๆ ในเครือของ Disney ที่ช่วยให้แผนการพัฒนาสวนสนุกเป็นไปได้อย่างง่ายดายขึ้น เรียกได้ว่าไม่หมดไอเดียในการเพิ่มเติมส่วนต่างๆ เลย แค่เปิดหนัง Disney ก็ได้ไอเดียแล้วว่าจะเพิ่มเครื่องเล่นอะไร เพิ่มเขตแดนอะไร อย่างหนึ่งในโปรเจ็กต์ใหญ่ของสวนสนุก Walt Disney World ปี 2019 ที่จะถึงนี้คือดินแดนที่อุทิศให้ Star Wars นอกจากนี้ยังมีโปรเจ็กต์ลับที่หมายจะสร้างโรงแรมธีม Star Wars อีกด้วย ซึ่งจุดนี้ขับเน้นกลยุทธ์การสร้างความโดดเด่นและแตกต่างของ Disney ได้ดี ก็นะ…โรงแรมที่จำลองยาน Star Wars หาได้ตามหัวมุมถนนที่ไหนล่ะ ก็ต้องมาสวนสนุก Disney เท่านั้นแหละ
ภาพตัวอย่างจำลองบรรยากาศภายในโรงแรม Star Wars (Source: Disney/The New York Times)
ในขณะเดียวกัน กลยุทธ์นี้ก็ถูกประยุกต์กับรถรับส่งไป Disney World เพราะแทนที่จะใช้รถประจำทางปกติ Disney จับมือกับ Lyft แอปฯ เรียกรถชื่อดังของสหรัฐฯ สร้างรถตู้พิเศษที่ชื่อ Minnie Van ขึ้นมาโดยเฉพาะ ให้ผู้เข้าชมอินกับบรรยากาศ Disney ตั้งแต่เริ่มออกเดินทางกันเลยทีเดียว เรียกได้ว่า Disney ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้าจริงๆ
แล้วสวนสนุก Disney มีปัจจัยเสี่ยงอะไรที่อาจมากระทบบ้าง?
เนื่องจากสวนสนุกถือเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ แต่ไม่ได้เป็นสถานที่ที่จะต้องมาตลอด ฉะนั้นจึงถูกกระทบได้ง่ายจากวงจรเศรษฐกิจที่ขึ้นๆ ลงๆ เพราะเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี คนมีกำลังใช้จ่ายน้อย ก็ย่อมไม่อยากเสียเงินโดยใช่เหตุ อีกปัจจัยหนึ่งคือความปลอดภัย เพราะถ้าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นครั้งหนึ่ง ชื่อเสียงของสวนสนุกก็จะแปดเปื้อนไประยะเวลาหนึ่งเลยทีเดียว
ฉะนั้น Disney จึงจริงจังกับการลงทุนด้านความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัย หรือการติดตั้งเครื่องตรวจจับเหล็ก
และเห็น Disney ทุ่มทุนเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายขนาดนั้น อันที่จริงแล้วมันไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิดหรอก เพราะคนบางกลุ่มก็ไม่อยากให้ Disney เปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น ลูกค้าที่โวยวายเมื่อ Disney ถอนต้นไม้ต้นหนึ่งในสวนสนุกออก เพราะลูกค้าคนนั้น “เคยถูกขอหมั้นใต้ต้นไม้ต้นนั้น” (เอาละสิ ดราม่ามาแล้ว)
ไม่ใช่ว่า Disney ใจร้าย แต่สุดท้ายสิ่งก่อสร้างปลูกสร้างที่เต็มไปด้วยความทรงจำเหล่านี้คือสินทรัพย์ของธุรกิจ ซึ่งต้องถูกจัดสรรบริหารให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เครื่องเล่นเก่าๆ ก็ต้องถูกโละออกบ้าง เพราะเด็กสมัยใหม่ไม่อินกับมันแล้ว
เราคงต้องคอยจับตาดูกันต่อไปว่าแผนการขยายอาณาจักรของ Disney จะมีอะไรใหม่ๆ ออกมาให้เซอร์ไพรส์อีก และ Disney จะมีปรับตัวอย่างไรต่อไปอีกในอนาคต แต่สำหรับตอนนี้ การลงทุนในสวนสนุกน่าจะเป็นหนึ่งในการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับ Disney แล้ว
Sources:
https://www.nytimes.com/interactive/2018/11/16/business/media/disney-invests-billions-in-theme-parks.html
https://www.syfy.com/syfywire/amusement-parks-will-cost-disney-more-than-marvel-pixar-and-lucasfilm-put-together
https://www.bizjournals.com/orlando/news/2018/11/08/disneys-theme-parks-wrap-up-fiscal-2018-in-the.html
https://www.orlandosentinel.com/business/tourism/os-bz-disney-earnings-extra-20181109-story.html
https://www.nytimes.com/2006/01/24/technology/24iht-disney.html
https://www.nytimes.com/2009/09/01/business/media/01disney.html
https://mediadecoder.blogs.nytimes.com/2012/10/30/disney-buying-lucas-films-for-4-billion/
https://www.budgettravel.com/article/10-crazy-things-you-never-knew-about-walt-disney-world_12759
https://www.scmp.com/news/hong-kong/economy/article/2133962/hong-kong-disneyland-falls-further-red-losses-double-2017-hit
https://www.fool.com/investing/2018/11/18/why-disney-is-up-8-in-2018.aspx
https://www.investing.com/equities/disney
ที่มาบทความ: https://thezepiaworld.com/2018/11/23/disney/