ช่วงหนึ่งของชีวิตการลงทุนของผมเคยผ่านช่วงที่ยากลำบากมา
ผมเริ่มต้นลงทุนมาเกือบ 3 ปีในตอนนั้น ขนาดพอร์ตเติบโตคิดเป็นผลตอบแทนกว่า 100% จนสามารถทำจุดสูงสุดได้ หลังจากนั้นไม่นานเหตุการณ์ก็กลับตาลปัตร หุ้นตัวที่ผมถือเยอะเป็นอันดับหนึ่งมีผลประกอบการที่ย่ำแย่ผิดคาดไปอย่างมาก จนทำให้พอร์ตของผมไหลลงอย่างต่อเนื่องทุกวัน จนกระทั่งวันที่ผมเห็นผลประกอบการทุกอย่างแล้ว ตัดสินใจขายออกไป เพราะพื้นฐานผิดไปจากที่ผมคาดมาก วันนั้นเป็นเหมือนวันที่ผมตัดสินใจห้ามเลือดของแผลใหญ่ของตนเอง
วันนั้นพอร์ตผมเหลือเพียงประมาณ 50% ของจุดสูงสุดในเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ขาดทุนเมื่อเทียบกับต้นปีไปเยอะมาก มากจนผมแทบหมดกำลังใจ
ตอนนั้นผมสูญเสียความมั่นใจเป็นอย่างมาก ผมกำเงินสดปรับสภาพอารมณ์อยู่พักหนึ่ง
ผมเริ่มต้นลงทุนใหม่อีกครั้ง
ผมเริ่มต้นเหมือนวันที่ผมลงทุนใหม่ๆ รื้อหุ้นกลับมาอ่านอีกครั้ง อ่านหนังสือการลงทุนทบทวน เริ่มเหมือนตัวเองไม่เคยมีความรู้อะไรมาก่อน ไปแบบช้าๆ ไม่เร่งรีบ ตั้งเป้าหมายให้ง่ายสำหรับการเดินต่อไป อ่านงบให้จบสักตัวหนึ่ง อ่านบทวิเคราะห์ อ่านหนังสือให้จบสักเล่ม
มันเป็นเหมือนช่วงเวลาที่ผมต้องเอาความมั่นใจที่แตกเป็นชิ้นส่วนกลับมาเริ่มต้นเรียงขึ้นใหม่ให้เป็นรูปเป็นร่างอีกครั้ง
ตอนนั้นผมบอกตัวเองว่า “ถ้ายอมแพ้ก็แพ้เลย แต่ถ้าไม่ก็ยังมีโอกาสชนะ”
ถ้าผมยอมแพ้และยอมรับในผลขาดทุนวันนี้ ผลขาดทุนนี้ก็จะกลายเป็นผลขาดทุนจริงและติดตัวผมตลอดไป ผ่านไปนานเท่าไหร่ การขาดทุนนี้ก็จะตราอยู่ในความทรงจำผมตลอดไป
แต่ถ้าผมไม่ยอมแพ้ อนาคต ผมอาจจะกลับมากำไรอีกครั้ง จนการขาดทุนในครั้งนี้กลายเป็นแค่การสะดุดของการลงทุนเพียงชั่วคราว ซึ่งผ่านไปห้าปีสิบปีข้างหน้า ผมอาจจะจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ
ผมค่อยๆ สะสมความมั่นใจทีละชั่วโมง ทีละวัน ลืมผลงานในอดีตทั้งหมด ลืมคำชม คำต่อว่า ความกดดันไปให้หมด เริ่มเหมือนนักลงทุนมือใหม่คนหนึ่งที่เพิ่งเข้าตลาด ไม่มีความเจ๋ง ไม่มีความเก่ง ไม่มีอีโก้ใดใดกับตลาดนี้
ผมใช้เวลาฟื้นฟูตัวเองเกือบสองอาทิตย์เต็ม
ตอนแรกผมวางแผนไว้ว่าจะหยุดตัดสินใจเกี่ยวกับหุ้นไปสองเดือนเต็มเป็นการรีเซ็ตแผนการลงทุนทั้งหมดใหม่ แต่พอผ่านไปสองอาทิตย์ ผมก็รู้สึกว่าตัวเองพร้อมแล้ว ผมเห็นโอกาส และตัดสินใจจะไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ค่าถึงสองเดือน
ผมลงทุนอย่างรัดกุมกว่าเดิม เขียนแผนการเข้าออก ทำการประเมินมูลค่าแบบละเอียด ทำทุกอย่างให้เป็นกระบวนการมากขึ้น ส่วนหนึ่งเพื่อลดการใช้อารมณ์ที่ยังไม่นิ่งมากนัก และให้ความสำคัญกับเหตุผลในการลงทุนให้มาก
จนพอร์ตของผมกลับมาทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง
ผมโชคดีที่ตลาดหุ้นรอบนี้ขึ้นแรงมาช่วยให้พอร์ตโตได้มาก แต่โชคดีที่สำคัญกว่าคือผมไม่ถอดใจและยอมแพ้ไปเสียในวันนั้น วันที่ความมั่นใจในการลงทุนของแตกละเอียดลงแทบไม่มีชิ้นดี
ตัวผมในวันที่แย่ที่สุดเริ่มต้นเก็บเอาความมั่นใจที่หล่นหายกลับมาประกอบเข้าด้วยกันใหม่อีกครั้งอย่างมีความหวัง ความหวังว่าการขาดทุนนี้จะไม่ใช่การขาดทุนตลอดไป และสักวันหนึ่งผมจะได้กลับมา
ถ้ายอมแพ้ก็แพ้เลย แต่ถ้าไม่ก็ยังมีโอกาสชนะ
โชคดีที่วันนั้นผมไม่ยอมแพ้เสียก่อน เพราะเวลาเกือบหกเดือนพิสูจน์แล้วว่า ถ้าไม่ยอมแพ้ ผมก็ยังมีโอกาสชนะ
ลงทุนศาสตร์ – Investerest