ทำไม ดร.นิเวศน์ ถึงเลือกหุ้น TCAP

หุ้น TCAP หรือบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจด้านการเงินเป็นหลัก ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจประกัน ธุรกิจเช่าซื้อ เป็นต้น โดยธนาคารธนชาตที่อยู่ในเครือของทุนธนชาตถือเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดกลางในตลาดหุ้นไทย

ความน่าสนใจคือวันหนึ่งชื่อของดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนแนวเน้นคุณค่าต้นแบบของไทยก็ปรากฎอยู่ในรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ของทุนธนชาต โดยรวมจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ครอบครัวดร.นิเวศน์ถือแล้วรวมอยู่ที่ 21,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่า 1.74% ของมูลค่ารวมของบริษัท

ด้วยผู้เขียนบทความมีโอกาสได้เข้าร่วมงานสัมมนาหนึ่งที่ดร.นิเวศน์เป็นวิทยากรและมีผู้สอบถามดร.นิเวศน์ถึงแนวคิดการลงทุนในหุ้นตัวนี้พอดี จึงหยิบนำเรื่องราวแนวคิดมาถ่ายทอด เพื่อที่นักลงทุนท่านอื่นอาจจะสามารถนำไปใช้ในไอเดียในการลงทุนได้

***บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อแสดงแนวคิดการลงทุนเท่านั้น ไม่สามารถใช้อ้างอิงในการตัดสินใจซื้อ ถือ หรือขายหลักทรัพย์ได้ ข้อมูลที่กล่าวเป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต และไม่สามารถรับรองผลที่จะเกิดในอนาคต***

ดร.นิเวศน์เลือก TCAP เพราะมูลค่าที่ไม่แพง

ดร.นิเวศน์ เริ่มต้นอธิบายว่ายุคนี้นั้นการจะหา super stock ในราคาที่ลงทุนได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตลาดมีความไม่แน่นอนสูง อีกทั้งดอกเบี้ยนโยบายที่ตกต่ำมาโดยตลอดทำให้ราคาหุ้นขึ้นไปซื้อขายกันที่พีอีสูงมาก หากจะหาหุ้นที่จะถือลงทุนเป็นสิบปีในช่วงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

แต่การถือเงินสดกินดอกเบี้ย 1% ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเช่นกัน

ดร.นิเวศน์จึงตัดสินใจเลือกลงทุนในหุ้นที่ “ราคาถูก” เป็นหลัก เนื่องจากต้องการความปลอดภัย และผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร ถึงแม้ว่าธุรกิจธนาคารจะเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง แต่ด้วยราคาหุ้นที่ถูกก็พอจะชดเชยประเด็นตรงนี้ไปในการลงทุนได้

ดร.เริ่มลงทุนในทุนธนชาตช่วงประมาณทุน 30 บาทต้นๆ (ประมาณจากช่วงเวลาที่ขึ้นชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่) ซึ่งตอนนั้น ดร.เล่าว่าราคาที่ซื้อไม่แพง อัตราส่วน PE อยู่ที่ประมาณ 7 – 8 เท่า อัตราส่วน PBV ก็ไม่ถึง 1 และที่สำคัญให้เงินปันผลในอัตราส่วนค่อนข้างสูงถึงประมาณ 5% ซึ่งคุ้มค่ากว่าการนำไปฝากธนาคารมาก

นอกจากนี้ ธนาคารขนาดเล็กและกลางก็ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีกว่าธนาคารขนาดใหญ่ด้วย เพราะการขยายส่วนการทำธุรกิจไปในทางธุรกิจเช่าซื้อจะช่วยเพิ่มการเติบโตของกิจการได้ เพราะฐานกำไรจากธนาคารพาณิชย์ไม่ได้ใหญ่มากๆ เหมือนธนาคารขนาดใหญ่ นอกจากนี้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาก แนวโน้มของกำไรสุทธิก็ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

สรุปว่าดร.นิเวศน์ลงทุนในหุ้น TCAP เพราะมีการเติบโต PE ต่ำ PBV ต่ำ และเงินปันผลสูงนั่นเอง

สุดท้าย ดร.นิเวศน์ทิ้งข้อคิดว่าตลาดหุ้นในปัจจุบันนั้นมีมูลค่าค่อนข้างแพงแล้ว การลงทุนควรพิจารณาถึงความเสี่ยงในการลงทุนเสมอ การเลือกหุ้นราคาถูกถือว่าช่วยเป็นเกราะป้องกันกับการตกต่ำได้ระดับหนึ่ง เพราะในยามตลาดลงหนัก หุ้นที่ซื้อขายกันที่พีอีสูงๆ มักจะตกลงอย่างรุนแรงมากกว่าหุ้นที่พีอีต่ำๆ เสมอ

ทั้งหมดทั้งมวลนี้สรุปใจความสำคัญมาให้นักลงทุนอ่านกัน เพื่อเป็นข้อคิดในการลงทุน และอาจจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการลงทุนของตนเองได้ในอนาคต

ลงทุนศาสตร์ – Investerest

——————-

Vithan Minaphinant
Securities Investment Analyst (IA)
ตรวจทานบทความ


คำเตือน

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้เขียนบทความนี้มิได้รับค่าตอบแทนหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทที่กล่าวถึงในบทความนี้แต่อย่างใด | ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้

———————

ไปแชร์ไอเดียเกี่ยวกับหุ้น TCAP ได้ที่
https://www.finnomena.com/stock/TCAP
โดยเลื่อนลงไปด้านล่างสุด

TSF2024