"ถ้าเราซื้อหุ้น Apple ตอนนั้น..." ตอนนี้เราจะมีเงินเท่าไร?

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2018 ที่ผ่านมา ราคาหุ้น Apple ขึ้นไปแตะ $207.04 ส่งผลให้ Apple เป็นบริษัทมหาชนสัญชาติอเมริกันรายแรกที่มีมูลค่าตลาดขนาด $1 ล้านล้าน! Apple นั้นเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ด้วยมูลค่าตลาดที่คิดเป็นจำนวน 4% ของดัชนี S&P 500 โดยจดทะเบียนในตลาดหุ้นเมื่อปี 1980

แน่นอนว่าชาวไทยอย่างเราๆ นั้นคงมีไม่กี่คนที่ถือหุ้น Apple โดยตรง แต่เชื่อว่าคงมีหลายคนที่ลงทุนใน Apple ผ่านกองทุนรวมต่างประเทศกันบ้างละ แล้วถ้าเกิดสมมติว่าเราได้ซื้อหุ้น Apple ด้วยเงิน $10,000 (หรือประมาณ 3 แสนบาท) ณ ช่วงเวลาสำคัญต่างๆ ในอดีต ตอนนี้เราจะมีเงินเท่าไรแล้ว? เราไปเจอบทความของ TIME มา น่าสนใจดี เลยลองเรียบเรียงมาให้ได้อ่านกันสนุกๆ ค่ะ

"ถ้าเราซื้อหุ้น Apple ตอนนั้น..." ตอนนี้เราจะมีเงินเท่าไร?

"ถ้าเราซื้อหุ้น Apple ตอนนั้น..." ตอนนี้เราจะมีเงินเท่าไร?

1. ถ้าเราซื้อหุ้น Apple ตอนที่เปิดตัว Macintosh ครั้งแรก

วันที่: 24 มกราคม 1984

เงินลงทุน $10,000 (ประมาณ 3 แสนบาท) จะกลายเป็น: $3.8 ล้าน (ประมาณ 126 ล้านบาท)

การเปิดตัว Macintosh ในปี 1984 นั้นเปรียบเสมือนการเปิดตัว Apple สู่สาธารณชน โดยเครื่อง Mac นั้นได้กลายเป็นคอมพิวเตอร์ที่ผู้คนธรรมดาสามารถเข้าถึงได้ นอกจากนี้ยังส่งผลให้เริ่มมีการใช้เม้าส์และภาพหน้าจอแสดงกราฟิกเพิ่มมากขึ้น ฟังดูเป็นปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ ราคาหุ้นน่าจะขึ้นเพราะเหตุนี้สินะ… เปล่าเลย อันที่จริงแล้วราคาหุ้น Apple ร่วงลงประมาณ 40% ในช่วงหนึ่งปีครึ่งหลังเปิดตัวเครื่อง Mac แต่ถ้าเรากัดฟันเข้าซื้อหุ้นช่วงเดือนมกราคมปี 1984 แล้วถือมาจนถึงวันนี้ละก็ เราจะได้ผลตอบแทนถึง 37,785% !! โหดไม่ใช่เล่นๆ เลย

"ถ้าเราซื้อหุ้น Apple ตอนนั้น..." ตอนนี้เราจะมีเงินเท่าไร?

2. ถ้าเราซื้อหุ้น Apple ตอนที่สตีฟ จ็อบส์ กลับมาเป็น CEO

วันที่: 16 กันยายน 1997

เงินลงทุน $10,000 (ประมาณ 3 แสนบาท) จะกลายเป็น: $2.5 ล้าน (ประมาณ 83 ล้านบาท)

เห็น Apple ประสบความสำเร็จในปัจจุบันแบบนี้ หลายคนอาจจะลืมได้ง่ายๆ ว่ามีช่วงหนึ่งที่หุ้น Apple เคยประสบช่วงเวลาเลวร้ายมาแล้ว ช่วงนั้นก็คือช่วงสิบปีหลังสตีฟ จ็อบส์ออกจากบริษัทนั่นเอง ราคาหุ้น Apple ร่วงลงกว่า 60% ในช่วงปี 1987 ถึง 1997 ในขณะที่หุ้นของคู่แข่งอย่าง Microsoft นั้นราคาพุ่งกว่า 3,500% สวนทางกันเลย

ดังนั้น เมื่อสตีฟ จ็อบส์กลับมาดำรงตำแหน่ง CEO รักษาการให้กับ Apple ในเดือนกันยายน  ปี 1997 จึงเปรียบเสมือนการช่วยกอบกู้บริษัทขึ้นมา (ก่อนจะกลายเป็น CEO เต็มตัวในปี 2000) ต้องขอบคุณความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมต่างๆ ของจ็อบส์ที่ช่วยให้ Apple พัฒนาสินค้าใหม่ๆ ซึ่งเป็นตัวช่วยให้ Apple มาถึงจุดสำเร็จวันนี้ได้ ดังนั้น ถ้าเราซื้อหุ้น Apple ในวันที่จ็อบส์กลับมาเยือนบริษัทอีกครั้งแล้วถือจนถึงตอนนี้ ผลตอบแทนที่เราจะได้รับนั้นสูงถึง 24,837% เลยทีเดียว โหดไม่แพ้ทางเลือกแรกเลยจริงๆ

"ถ้าเราซื้อหุ้น Apple ตอนนั้น..." ตอนนี้เราจะมีเงินเท่าไร?

3. ถ้าเราซื้อหุ้น Apple ตอนที่ไอโฟนเครื่องแรกออกขาย

วันที่: 29 มิถุนายน 2007

เงินลงทุน $10,000 (ประมาณ 3 แสนบาท) จะกลายเป็น: $114,260 (ประมาณ 3.80 ล้านบาท)

เป็นที่รู้กันว่า Apple เข้าสู่สนามแข่งขันสมาร์ตโฟนด้วยการเปิดตัวไอโฟนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ทำให้ Apple กลายเป็นอีกหนึ่งบริษัทระดับโลกที่มีนวัตกรรมเก๋ล้ำที่สุด แต่พอหันไปมองทางราคาหุ้น เอาเข้าจริงราคาหุ้นไม่ค่อยกระเตื้องขึ้นเท่าไรนัก เพราะตลาดได้รับรู้ข่าวเรื่องไอโฟนก่อนหน้านั้น จึง price-in ไปแล้ว (ราคาหุ้นซึมซับข่าวดีจนขึ้นไปสูงแล้ว) อีกหนึ่งปัจจัยที่ถ่วงราคาไว้คือความกังวลที่เริ่มแผ่ขยายเกี่ยวกับวิกฤตซับไพรม์นั่นเอง แต่ถ้าเราซื้อหุ้น Apple ช่วงกลางปี 2007 แล้วใจแกร่งถือต่อมาจนถึงวันนี้ เราจะทำกำไรได้ถึง 1,044% เลยทีเดียว

"ถ้าเราซื้อหุ้น Apple ตอนนั้น..." ตอนนี้เราจะมีเงินเท่าไร?

4. ถ้าเราซื้อหุ้น Apple ตอนที่ ทิม คุก ขึ้นเป็น CEO

วันที่: 24 สิงหาคม 2011

เงินลงทุน $10,000 (ประมาณ 3 แสนบาท) จะกลายเป็น: $36,944 (ประมาณ 1.23 ล้านบาท)

ตอนที่ทิม คุกขึ้นเป็น CEO ในปี 2011 แทนสตีฟ จ็อบส์ หลายๆ คนไม่แน่ใจว่า Apple จะยังสามารถทำผลงานได้ดีมั้ย สิ่งที่ทุกคนกังวลสุดคือกลัวว่า Apple จะไม่มีนวัตกรรมปังๆ เหมือนสมัยที่จ็อบส์ดำรงตำแหน่งอยู่ ซึ่งความสามารถด้านการพัฒนานวัตกรรมนั้นสำคัญมาก เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ Apple มีข้อได้เปรียบด้านการแข่งขันเหนือคู่แข่งมาตลอด

ผ่านมา 7 ปีแล้ว แม้ว่า Apple ภายใต้การบริหารของทิม คุกจะไม่ได้ผลิตนวัตกรรมเปลี่ยนโลกออกมา แต่ Apple ก็มีสินค้าใหม่ออกมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น Apple Watch, Airpods และ HomePod ซึ่งก็เพียงพอที่จะทำให้นักลงทุนหุ้น Apple พอใจได้ สิ่งนี้สะท้อนในราคาหุ้นที่เพิ่มมูลค่าขึ้นมา 269% นับตั้งแต่สิงหาคมปี 2011

"ถ้าเราซื้อหุ้น Apple ตอนนั้น..." ตอนนี้เราจะมีเงินเท่าไร?

5. ถ้าเราซื้อหุ้น Apple ตอนที่วอร์เรน บัฟเฟ็ตต์เริ่มเข้ามาซื้อ

วันที่: 16 พฤษภาคม 2016

เงินลงทุน $10,000 (ประมาณ 3 แสนบาท) จะกลายเป็น: $21,333 (ประมาณ 7 แสนบาท)

เป็นที่รู้กันว่าวอร์เรน บัฟเฟ็ตต์ นักลงทุนระดับโลกผู้นี้ไม่ใช่สายหุ้นเทคโนโลยี เขาไม่ได้ซื้อ Google และ Amazon (อันนำมาซึ่งความเสียดายในปัจจุบัน) แต่เมื่อมาถึงหุ้น Apple บัฟเฟ็ตต์ก็มองเห็นโอกาสอันดี โดยบริษัท Berkshire Hathaway ของเขาได้เปิดเผยว่าได้เข้าซื้อหุ้น Apple เป็นครั้งแรกในวันที่ 16 พฤษภาคม 2016 ตอนที่ราคาหุ้นอยู่ที่ประมาณ $92

หลังจากนั้น Berkshire Hathaway ก็เข้าซื้อ Apple เรื่อยๆ หากเราซื้อตามบัฟเฟ็ตต์ เราจะได้ผลตอบแทน 113% ซึ่งพูดง่ายๆ คือมากกว่าเท่าตัวภายในระยะเวลา 2 ปี!

ข้อมูลเหล่านี้บอกอะไรเราบ้าง?

ดูเผินๆ เหมือนจะเป็นแค่สถิติสนุกๆ ที่อ่านแล้วก็ชวนให้รู้สึกเสียดายเล่นๆ ที่ไม่ได้มีโอกาสเข้าไปครอบครองหุ้น Apple ในอดีต แต่สิ่งที่เรานำมาปรับใช้จากบทเรียนนี้ได้คือ ความเข้าใจในเรื่องของการลงทุนระยะยาว เราจะเห็นได้ว่าแม้แต่บริษัท Apple ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ก็ยังมีบางช่วงเวลาที่ราคาหุ้นร่วงจนชวนให้ใจเสีย ไม่ว่าจะเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงขององค์กร หรือ ผลกระทบจากตลาดก็ตาม เวลาเจอเหตุการณ์แบบนี้ หลายคนมักจะตื่นตระหนกแล้วก็ทิ้งหุ้น หรือไม่ก็ไม่กล้าเข้าไปเสี่ยงด้วย แต่ถ้าเราทำความเข้าใจกับบริษัทให้ดี เข้าใจปัจจัยที่กระทบกับบริษัทและราคาหุ้น เราก็จะมองเห็นโอกาสท่ามกลางวิกฤติที่หลายๆ คนอาจจะมองไม่เห็น

ลองมองไปรอบๆ ตัวคุณดู วันนี้คุณเห็นบริษัทที่มีอนาคตไกลรึยัง?

ไปฝึกภาษาอังกฤษด้วยการอ่านบทความต้นฉบับได้ที่

http://time.com/money/5290281/apple-trillion-key-moments/


คำเตือน

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้เขียนบทความนี้มิได้รับค่าตอบแทนหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทที่กล่าวถึงในบทความนี้แต่อย่างใด | ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้

TSF2024