Infinity Stones ทั้ง 6 แห่งโลกการลงทุน

ใครที่เป็นแฟนภาพยนตร์ของค่ายมาร์เวล คุณคงกำลังฟินกับ Avengers ภาคใหม่ที่เพิ่งฉายในสัปดาห์ที่ผ่านมา นั่นคือ Infinity War ซึ่งล่าสุดทำรายได้ถล่มทลายทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลกอยู่ ณ ตอนนี้

ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ Infinity Stones ทั้ง 6 ที่วายร้ายจอมเกรียนอย่างทานอสต้องการมาไว้ในครอบครองทั้งหมด โดยเจ้าอัญมณีทั้ง 6 นี้ ถือเป็นขุมพลังไร้ที่สิ้นสุด ที่ใครครอบครอง ก็ยากจะต่อกรได้

เห็นแล้วก็อยากจะมีไว้ในครอบครอง อย่างน้อยซัก 1 เม็ดก็ยังดีนะครับ ?

แล้วในโลกการลงทุน ถ้าสมมติว่ามี Infinity Stones จริงๆ การจะลงทุนได้ประสบความสำเร็จจริงๆ อัญมณี ทั้ง 6 เม็ดที่นักลงทุนควรหาไว้ครอบครอง จะมีอะไรบ้าง ลองไปดูกัน

1. Risk Stone

ก่อนจะลงทุน คุณต้องเข้าใจความเสี่ยงหลักอยู่ 2 ประเภท หนึ่งคือ ความเสี่ยงของประเภทสินทรัพย์ที่เราลงทุน ว่ามันผันผวนขนาดไหน มีปัจจัยอะไรที่ทำให้ราคาของมันเคลื่อนไหว เปรียบเทียบกับผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับแล้วคุ้มหรือเปล่า และ สอง คือ ความเสี่ยงที่ตัวเราเองรับได้ ซึ่งก็คือ การประเมินความสามารถของตัวเองว่า เราสามารถทนกับการแกว่งของราคาสินทรัพย์ที่เราลงทุนได้มากน้อยแค่ไหน หากทนได้มาก ก็แปลว่า สามารถมีสินทรัพย์เสี่ยงในพอร์ตการลงทุนได้ในสัดส่วนที่สูง และสามารถเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้ด้วย ซึ่งสิ่งนี้ สำคัญต่อการนำมาจัดทำ Asset Allocation มากๆ และบอกไว้ก่อนเลยครับ ว่าแต่ละคนรับความเสี่ยงได้แตกต่างกันแน่นอน ด้วยเหตุนี้ การลงทุนของแต่ละคน จึงหน้าตาไม่เหมือนกันซะทีเดียว ลอกเลียนแบบกันได้ยาก

2. Target Stone

จะลงทุนในระยะยาวอีก 5 ปี 10 ปี หรืออีก 20 ปีข้างหน้า เป้าหมายในการลงทุนของคุณต้องชัดมากๆ อย่าคิดแค่ ลงทุนเพื่อความสนุก ลงทุนเพื่อหาค่ากับข้าว เพราะคิดไว้แค่ไหน เราก็ได้แค่นั้น ดังนั้น จงใช้เวลากับการถามตัวเอง และตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่า เราลงทุนไปเพื่ออะไร ต้องมีเงินลงทุนเท่าไหร่ เพื่อไม่ให้ลำบากตอนแก่ ไม่เสี่ยงสูงเกินไปจนอาจทำให้ตัวเองจิตใจแกว่งระหว่างทาง และไม่เสี่ยงต่ำเกินไปจนไม่ถึงเป้าหมาย รวมถึงว่า การตั้งเป้าหมายที่ดี ควรเป็นเป้าหมายที่ บอกวิธีการไปถึงเป้าหมายให้ชัดเจน ทั้งในแง่เงินลงทุนที่ใช้ ระยะเวลาที่เรามีให้ ยกตัวอย่างเป้าหมายที่ชัดเจนเช่น “ผมต้องการมีเงินก้อนตอนเกษียณอายุ 60 ปี จำนวน 30 ล้านบาท โดยจะออมเงินในพอร์ตการลงทุนทุกเดือน เดือนละ 20,000 บาท เป็นระยะยาวเวลา 30 ปี โดยคาดหวังผลตอบแทนจากพอร์ตปีละ 8%”

3. Discipline Stone

ความมีวินัย ถือเป็นหัวใจสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่นักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จ ยึดถือเป็นแนวทางตลอดในการลงทุน เพราะระหว่างทางที่เราลงทุนไป มันจะมีเหตุการณ์หลายๆเหตุการณ์ที่ทำให้นักลงทุนลังเลใจ ไม่แน่ใจในแผนการลงทุนที่วางเอาไว้ ทั้งจากปัจจัยตลาด เช่น เราจะอยากลงทุนเพิ่มขึ้น เมื่อตลาดปรับตัวสูงขึ้น และอยากชะลอการลงทุน เมื่อตลาดซึมๆหรือปรับฐานลง หากนักลงทุนไม่ยึดถือตามแผนที่วางเอาไว้ โอกาสที่จะเกิดขึ้นก็คือ ผลตอบแทนของการลงทุนอาจจะพลาดไม่ถึงเป้าหมายในระยะยาว เพราะกลายเป็นซื้อแพง แล้วไปขายถูก แล้วได้ผลตอบแทนต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในระยะยาว

4. Opportunity Stone

จงเปิดประตูแห่งโอกาสเอาไว้ตลอดเวลา เพราะเมื่อเราอยู่ในโลกการลงทุน โอกาสมันจะวิ่งเข้ามาหาเราตลอดให้เราเลือกว่า เวลานี้ เราควรเลือกลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว หรือ ตราสารหนี้ระยะสั้น , ฉันควรโยกเงินออกจากหุ้น ไปซื้อทองคำก่อนหรือเปล่า, ตอนนี้ใช่เวลาที่เราจะลงทุนในกองทุนอสังหาฯใช่หรือไม่? โดยรวมแล้ว คำถามส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นถี่มากๆเมื่อเราลงทุนก็คือ มันมีโอกาสอะไรที่ดีกว่าสินทรัพย์ที่เราลงทุนอยู่ ณ ตอนนี้หรือเปล่า? ซึ่งการจะตอบคำถามนี้ได้ นักลงทุนจำเป็นต้องขยันหาความรู้ เปิดรับข่าวสาร ออกไปท่องโลก ทดสอบผลิตภัณฑ์ของบริษัท หรือ หาเวลาไปนั่งฟัง Company Visit อย่างเนืองๆ เพราะอย่างที่ Peter Lynch บอกครับ โอกาสการลงทุน สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แค่เพียงเราสังเกตในชีวิตประจำวัน
ไม่แน่นะ ออกจากบ้านเช้าวันพรุ่งนี้ คุณอาจจะได้ไอเดียลงทุนในหุ้นบางตัว ที่เปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาลก็ได้ ใครจะรู้ ดังนั้น Keep your eyes open นะครับ

5. Measure Stone

การวัดผล หรือ การประเมินผลงานหรือฝีมือของตัวเราเอง ก็เพื่อตอบคำถามว่า สิ่งที่เราลงทุนมา ผลลัพธ์มันคุ้มค่ากับความพยายามที่เราใส่เข้าไปให้กับมันหรือเปล่า? เช่น เราใช้เวลาจัดพอร์ตการลงทุนไปกับการหา Alpha (พยายามจะชนะดัชนี หรือ Benchmark ให้ได้) แล้วพอวัดผลจริงๆ พอร์ตของเราได้ผลตอบแทนสูงกว่า Benchmark จริงๆใช่ไหม ถ้าไม่ใช่ ก็ต้องไปหาสาเหตุว่าเพราะอะไร ถ้าพบว่า มันเกินความสามารถของเราไป ก็อาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีการลงทุน หรือ ถึงขั้น จำเป็นต้องปรับเป้าหมายของเราเอง จะเห็นว่า การวัดผลมันจำเป็นนะครับ ถ้าวัดผลในระยะเวลาที่นานเกินไป บางทีกว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองผิดพลาดอะไร ก็สายไปเสียแล้ว

6. Mind Stone

สิ่งที่เราต้องฝึกฝนอีกหนึ่งอย่างก็คือ การเข้าใจจิตใจของเราเอง และฝึกจิตใจให้มั่นคง เพราะ มีเพียงจิตใจที่มั่นคง ไม่ลังเล ถึงจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนได้ในยามที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน อีกทั้ง นักลงทุนที่ดี ควรคิดถึงการสร้างเหตุปัจจัยแห่งความสำเร็จ มากกว่า การไปคาดหวังผลที่จะเกิดตามมา

เพราะเมื่อคาดหวัง แสดงว่า เราใช้ความโลภเป็นตัวผลักดันการลงทุนนั้นๆ และความโลภนี่ละครับ ที่ทำให้การตัดสินใจของเราไม่เป็นกลางและมีอคติต่อสิ่งต่างๆที่เรามอง ดังนั้นจิตใจของเรา ต้องโฟกัสที่การสร้างเหตุ คือ อยู่กับเป้าหมายที่ออกแบบไว้ ใส่ใจกับกระบวนการที่ถูกต้อง ไม่หลงดีใจ หรือ เสียใจ จนเกินไป… เราไม่ควรผูกความรู้สึกของเราอยู่กับทิศทางการขึ้นลงของพอร์ตการลงทุนครับ แบบนั้น ชีวิตหาความสุขได้ยาก เชื่อผม

เป็นไงบ้างครับ สะสมได้ครบทั้ง 6 เม็ดหรือยัง? ใครขาดเม็ดไหน ก็ขอให้ไปเสาะแสวงหากันมาให้ได้ เพราะ Infinity Stones ทั้ง 6 นี่ละครับ ที่จะทำให้นักลงทุนทุกคนประสบความสำเร็จในการลงทุนในระยะยาวอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ^^

โดย Mr.Messenger

TSF2024