ขอแถมกองทุนรวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ไม่ใช่กองทุนลดภาษีเพิ่มเติม เผื่อว่าอยากลงทุนในกองทุนรวม ผมแนะนำกองทุนใน 2 กลุ่ม ได้แก่ กองทุนรวมหุ้นญี่ปุ่นแบบเน้นหุ้นตัวใหญ่ที่บริหารให้อัตราผลตอบแทนชนะตลาด หรือ Big Cap Active Fund โดยหากใจเย็นถือยาวหน่อย ขอแนะนำ ASP-JHC ซึ่งมี Nomura High Conviction Fund เป็นกอง Feeder Fund โดยกองดังกล่าวเป็นกองแนวที่เน้นหุ้นแบบ Value ที่ทำผลตอบแทนได้ดีเมื่อนโยบายการคลังเป็นแบบขยายตัว และ กองทุนกลุ่มบริษัทขนาดกลางและเล็ก แนะนำกองทุน UOB United Japan Small And Mid Cap Fund หรือ UOBSJSM
ตามด้วยตลาดอินเดีย สำหรับกองทุนรวมประหยัดภาษีของตลาดหุ้นอินเดีย ในส่วน RMF ผมชอบอยู่ 2 กอง ได้แก่ KINDIARMF ซึ่งมีกองทุน Goldman Sachs India Equity Portfolio เป็น Feeder Fund โดยจุดเด่นของกองนี้ คือ การกระจายหุ้นในสัดส่วนของเซกเตอร์ต่างๆได้สมดุล รวมถึงถือหุ้นที่ถือว่าให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดในช่วงที่ผ่านมา และ B-INDIAMRMF ซึ่งมีกองทุน Kotak Funds – India Midcap Fund เป็น Feeder Fund โดยจุดเด่นของกองนี้ คือมีการเลือกหุ้นขนาดกลางที่น่าสนใจเข้ามาผสมด้วย แม้น้ำหนักส่วนใหญ่ยังเป็นหุ้นใหญ่อยู่ก็ตาม รวมถึงทีมบริหารกองทุนมีประสบการณ์ที่ยาวนาน ขอแถมกองทุนรวมที่ไม่ใช่ประหยัดภาษีให้อีกหนึ่งกอง ได้แก่ B-BHARATA ซึ่งมีองทุน RAMS Equities Portfolio Fund India เป็น Feeder Fund จุดเด่นของกองนี้คือความเสี่ยงค่อนข้างต่ำกว่าเพื่อน
Expansion of Medicaid and Medicare Medicaid ถูกขยายเพื่อให้คนที่มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงประกันสุขภาพได้มากขึ้น ส่วน Medicare ให้การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
เพื่อให้การวางกลยุทธ์ลงทุนในปี 2025 มีความน่าสนใจมากขึ้น ผมลองผนวกแนวคิดจากหนังสือ The Art of the Deal ที่เขียนโดย Donald Trump ในปี 1987 เพื่อให้นักลงทุนไทยรู้ทันแนวคิดของ Trump พร้อมนำมาประยุกต์กับการลงทุน โดยที่ผมประเมินกรณีที่น่าจะเกิดขึ้นสำหรับตลาดการเงินปี 2025 เป็น 3 แบบ
กรณีฐาน Trade Deal เพราะ Trump สอนว่าต้อง “Maximize your options”
แค่ต้องไม่ลืมว่าความเสี่ยงหลักคือ Trade War ยังคงอยู่ ดังนั้นจึงควรชะลอการลงทุนในประเทศที่มีแนวโน้มถูกตั้งกำแพงภาษีเพิ่มเติม รวมไปถึงกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ทางเลือก เช่น Private Asset หรือ Hedge Fund ที่มีความสัมพันธ์กับหุ้นและบอนด์ต่ำไว้ด้วย
สำหรับการลงทุนปี 2025 คำแนะนำที่ดีที่สุดจาก Trump ผมเลือกเป็น “Protect the Downside and the Upside will take care of itself” จัดการกับความเสี่ยงให้ได้ แล้วโอกาสจะเผยตัวเองออกมา แล้วพบกันอีกครั้งในปี 2025 ครับ
ในฝั่งของ Bitcoin Futures Open Interest มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนทะลุ All Time High อย่างต่อเนื่อง แสดงถึงการเก็งกำไรของนักลงทุนผ่านสัญญา Futures ที่เพิ่มขึ้น ตลาดมีความร้อนแรงหลังจากข่าวดีเรื่องการเลือกตั้งสหรัฐฯ เพราะนักลงทุนหลายกลุ่มต้องการเพิ่ม Exposure กับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น
กราฟราคา ARK Next Generation Internet ETF (เส้นสีน้ำเงิน) เทียบกับ S&P 500 (เส้นสีแดง)
ก่อนและหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ (เส้นประสีเหลือง)
Source: Finnomena Funds, TradingView as of 17/12/2024
FundTalk มีมุมมองว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเหล่านี้จะสามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อภายใต้รัฐบาลทรัมป์ จึงมีคำแนะนำเข้าซื้อกองทุนSCBNEXT(A) ซึ่งลงทุนในกองทุนหลัก ARK Next Generation Internet ETF ลงทุนในหุ้น Tesla, หุ้นเทคโนโลยีขนาดเล็ก เช่น Roku, Roblox, Shopify และผสมกับหุ้นกลุ่มบล็อกเชนที่จะได้รับประโยชน์จากนโยบายด้านคริปโตเคอร์เรนซีของทรัมป์ เช่น Coinbase และ Robinhood
EV Snapshot ดัชนี KOSPI
Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 16/12/2024
ในส่วนของหุ้นเกาหลีใต้ หลังจากที่มีประเด็นทางการเมืองภายในประเทศ ล่าสุด ประธานาธิบดี Yoon Suk Yeol ได้ถูกลงมติถอดถอน ทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองขึ้น ประกอบกับมุมมองที่ไม่ดีนักของหุ้น Samsung Electronics ซึ่งเป็นหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ โดยในปัจจุบันราคาปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา FundTalk จึงมีคำแนะนำขายกองทุนDAOL-KOREAEQออกทั้งหมด โดยสับเปลี่ยนเงินลงทุนไปยังหุ้นอินเดีย ผ่านกองทุนTISCOINA-A ซึ่งลงทุนในกองทุนหลักทั้งหมด 3 กองทุน คือ Goldman Sachs India Equity Portfolio, FSSA Indian Subcontinent Fund และ Nomura Funds Ireland – India Equity Fund ซึ่งทั้งสามกองทุนลงทุนในหุ้นอินเดีย และเป็นกองทุนที่ทำผลตอบแทนได้ดีเมื่อเทียบกับกองทุนในหมวดเดียวกัน โดยกองทุนนี้ไม่ได้มีการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน ทำให้นักลงทุนไม่ต้องเสียต้นทุนป้องกันความเสี่ยงในส่วนนี้
ปรับสัดส่วนการลงทุนใน AI Value Chain
AI Value Chain
Source: Finnomena Funds, Nasdaq as of 18/12/2023
ในส่วนของการลงทุนในหุ้นกลุ่ม AI FundTalk มีมุมมองว่าหุ้น AI ในกลุ่มต้นน้ำ ได้แก่ หุ้นกลุ่ม Semiconductor และผู้ผลิตอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง อาจมี upside เริ่มจำกัด จากปัจจัยเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ ที่อาจส่งผลต่อรายได้ของบริษัทในกลุ่มนี้ ในขณะที่บริษัทในกลุ่มกลางน้ำ ซึ่งเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มและโมเดล AI อย่าง Microsoft, Amazon, และ Alphabet คาดว่าจะสามารถทำผลตอบแทนได้ดีต่อเนื่อง และหุ้นกลุ่มปลายน้ำที่เป็นผู้ใช้งานโมเดล AI หรือสร้างแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง น่าจะเริ่มสร้างกำไรจากการใช้งาน AI ที่หลากหลายขึ้น
อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ทุกบริษัทปลายน้ำจะสามารถสร้างกำไรได้จากปัจจัยดังกล่าว จากเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด FundTalk จึงมีคำแนะนำขายกองทุนMEGA10AI-A ซึ่งลงทุนในหุ้นกลุ่มต้นน้ำและกลางน้ำเป็นหลัก และสับเปลี่ยนเงินลงทุนไปยังกองทุนTISCOAI-A ซึ่งลงทุนในกองทุนหลัก Xtrackers Artificial Intelligence and Big Data UCITS ETF กองทุนนี้ลงทุนกระจายในทุกส่วนของ AI Value Chain ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยน้ำหนักของหุ้นส่วนใหญ่จะอยู่ที่ปลายน้ำเป็นหลัก และมีการคัดเลือกหุ้นผ่านการจดสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับ AI ถือเป็นวิธีการคัดเลือกหุ้นที่สามารถค้นหาหุ้นที่น่าจะทำกำไรได้จากการใช้งาน AI ที่มีประสิทธิภาพ
สรุปคำแนะนำปรับพอร์ต Dynamic Contrarian Model Portfolio วันที่ 17 ธันวาคม 2024
กองทุนหุ้นเทคโนโลยี เน้นคัดเลือกหุ้น Value Play โดยการเข้าซื้อหุ้นเติบโตในราคาไม่แพง ขณะเดียวกันปัจจัยเชิงพื้นฐานเฉพาะตัวยังคงดี เพราะประมาณการกำไรของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถือว่าเติบโตในระดับ 2 หลัก
เน้นลงทุนในหุ้นจดทะเบียนใน SET และ/หรือ mai ที่ได้รับการคัดเลือกและยอมรับว่ามีความโดดเด่นด้าน ESG โดยจะลงทุนในบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับ SET ESG Rating ตั้งแต่ BBB ขึ้นไป
ลงทุนในหุ้นที่ผ่านการคัดเลือก SET ESG Rating ในระดับ A ขึ้นไป สัดส่วน 70% และตราสารหนี้ประเภท Green Bond, Sustainability Bond และ Sustainability – Linked Bond สัดส่วน 30%
Lisa Su CEO หญิงที่นำ Advanced Micro Devices (AMD) กลับมาสู่ความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ได้รับการยกย่องในฐานะ “CEO of the Year 2024” จาก Time Magazine รางวัลนี้ไม่เพียงแค่สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารองค์กรในระดับสูง แต่ยังเป็นการยอมรับถึงความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ที่เธอได้นำมาใช้ในการพลิกฟื้น AMD จากภาวะวิกฤติสู่การเป็นผู้นำในวงการเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก
Finnomena จะมาถอดบทเรียนจากความสำเร็จของ Lisa Su ซึ่งไม่ใช่แค่บทเรียนสำหรับผู้บริหารระดับสูง แต่ยังเป็นแนวทางที่ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อก้าวผ่านอุปสรรคและสร้างความสำเร็จได้ในทุกสถานการณ์
จากเด็กสาวชาวไต้หวันสู่ผู้นำวงการเซมิคอนดักเตอร์
Lisa Su เกิดที่ไต้หวันและย้ายมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ หลงใหลใน STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) ตั้งแต่วัยเด็ก เธอชื่นชอบการเขียนโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ Commodore 64 และสร้างโปรเจกต์วิทยาศาสตร์ที่น่าทึ่ง เช่น การจำลองพายุเฮอร์ริเคนในกล่อง เธอศึกษาต่อในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าที่ MIT จนจบปริญญาเอก และเริ่มต้นเส้นทางอาชีพที่ Texas Instruments และ IBM ก่อนจะเข้าสู่ AMD ในปี 2012
ราคาหุ้น AMD ช่วงที่ Lisa Su รับตำแหน่ง CEO | Source: Tradingview
เมื่อเธอเข้ารับตำแหน่ง CEO ในปี 2014 เธอตระหนักดีว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอเริ่มต้นด้วยการวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจน โดยให้ความสำคัญกับ 3 เรื่องหลัก ได้แก่
1. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น
Lisa Su นำทีมวิศวกรของ AMD มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแข่งขันได้ แต่ยังต้องล้ำหน้ากว่าคู่แข่ง
2. การสร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่
Lisa Su เปลี่ยนโครงสร้างการทำงานภายในบริษัท ปลูกฝังวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ การทำงานเป็นทีม และความยืดหยุ่น ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและเสริมความมั่นใจให้กับพนักงาน
แม้ AMD จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่ก็ยังต้องแข่งขันกับ Nvidia ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก โดย Nvidia มีความได้เปรียบในตลาดชิป AI ด้วยชิปที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการประมวลผล Neural Networks ส่งผลให้ Nvidia ครอบครองส่วนแบ่งตลาดชิป AI กว่า 95%
แต่ Lisa Su ก็มุ่งมั่นนำ AMD เข้าสู่การแข่งขันในตลาด AI ด้วยการพัฒนาชิป Instinct MI300X ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ต่อยอดจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ El Capitan ซึ่งครองตำแหน่งซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน
ล่าสุด เธอได้รับการยกย่องในฐานะผู้นำองค์กรที่เปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์และความสามารถ จนได้รับตำแหน่ง CEO of The Year 2024 จาก Time Magazine รางวัลนี้เป็นการตอกย้ำถึงบทบาทสำคัญของเธอในการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลเชิงบวกต่อทั้งพนักงาน ลูกค้า และสังคมโดยรวม
หนึ่งในความสำเร็จที่โดดเด่นในปีนี้คือการนำพาองค์กรเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงดิจิทัลอย่างสมบูรณ์แบบ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยเทคโนโลยี AI และ Big Data รวมถึงการเน้นย้ำความสำคัญของนโยบาย ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) จนกลายเป็นต้นแบบให้แก่องค์กรอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน
เรื่องราวของ Lisa Su ไม่เพียงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความเป็นผู้นำเชิงกลยุทธ์ แต่ยังเต็มไปด้วยบทเรียนที่ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ได้ทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน
1. มองภาพใหญ่ แต่เริ่มจากก้าวเล็ก ๆ
เมื่อเธอเข้ามารับตำแหน่ง CEO เธอไม่ได้พยายามแก้ปัญหาทุกอย่างพร้อมกัน แต่เริ่มต้นจากการวางเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์และการลดต้นทุน
นอกจากความสำเร็จในอาชีพการงานของ Lisa Su และ Jensen Huang ที่ทำให้ทั้งสองกลายเป็นบุคคลสำคัญในวงการเทคโนโลยีแล้ว ยังมีเกร็ดเล็ก ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางครอบครัวระหว่างทั้งสอง
นั่นคือ “แม่ของ Jensen Huang เป็นน้องสาวของปู่ Lisa Su” ซึ่งหมายความว่า CEO ของบริษัทชิป AI ทั้งอันดับ 1 และอันดับ 2 เป็นญาติกัน!